ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาคธุรกิจต้องก้าวให้ทัน หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี “Smart Building” ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ที่ต้องมาพร้อมความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ที่จะได้รับจากการอยู่อาศัยหรือทำงานใน Smart Building ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อาคารในยุคใหม่มักถูกสร้างขึ้นพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้มีความสะดวกสบาย และมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่สำคัญอย่าง Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ และระบบคลาวด์เข้าด้วยกันเพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล นำไปสู่การควบคุมการทำงานในด้านต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
การนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้งาน เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในตัวอาคารได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเทรนด์ของ “Smart Building” จึงมองข้ามไปไม่ได้ในปัจจุบัน ที่จะเห็นได้ผ่านข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจอย่าง Fortune Business Insights ที่ได้คาดการณ์แนวโน้มและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ Smart Building ทั่วโลก ซึ่งจะเติบโตจาก 96.96 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 เป็น 568.02 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2575
ปัญหาความปลอดภัยของอาคาร สามารถแก้ไขได้ด้วย IoT Solution
อาคารที่ถูกสร้างขึ้นในยุคปัจจุบัน มักจะมีการให้ความสำคัญ และยกระดับในเรื่องของความปลอดภัยในการอยู่อาศัย เพื่อให้ตอบโจทย์กับมาตรฐานความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของอาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ อาคารออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งโรงงาน ซึ่งไม่เพียงแต่ปกป้องให้คนที่อยู่อาศัยในอาคารมีความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องทรัพย์สินในอาคารไม่ให้เสียหายหรือสูญหายจากการกระทำของบุคคล หรือภัยที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้มั่นใจว่าผู้คนที่อยู่อาศัยหรือทำงานในอาคารหรือสถานที่นั้น ๆ รู้สึกปลอดภัย
ทั้งนี้ จากรายงานของ Deloitte Insights ยังระบุไว้ด้วยว่า เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ “Smart Building” สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดอัคคีภัยได้ถึง 15% และยังช่วยลดการสูญเสียที่จะเกิดจากอัคคีภัยได้อีก 10% ในสหราชอาณาจักร
ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับการอยู่อาศัยในตัวอาคารด้วยเทคโนโลยี IoT ก็สามารถทำได้ เพื่อให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับอาคารที่ถูกสร้าง และยังไม่ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับความปลอดภัย สามารถเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เปลี่ยนอาคารเก่าให้เป็น Smart Building ได้ไม่ยาก ด้วยโซลูชันดังต่อไปนี้
1. Visitor Management System Solution เป็นระบบที่ใช้ตรวจสอบผู้ที่เข้าออกอาคารได้ตั้งแต่ทางเข้าอาคาร เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับพื้นที่ โดยเป็นระบบที่จะเก็บข้อมูลผู้เข้าออกทุกคนไว้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการต่อไปในอนาคต ระบบนี้แม้จะมีการเก็บข้อมูลบุคคล แต่ก็สามารถเข้าออกได้อย่างรวดเร็วไม่เสียเวลาแต่อย่างใด
2. Smart Access Control System Solution เป็นระบบที่ใช้กำหนดพื้นที่สำหรับการเข้าถึงของผู้อยู่อาศัย และผู้มาเยือน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับของผู้อยู่อาศัย สามารถช่วยคัดกรองผู้เข้าออกพื้นที่และช่วยป้องกันการเข้าถึงของบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น ระบบ Smart Access ในการเข้าออกลิฟต์แบบล็อกชั้นของอาคาร เป็นต้น
3. Smart Security (CCTV) System Solution เป็นระบบรักษาและเพิ่มความปลอดภัยผ่านการตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคารผ่านกล้องวจรปิด Smart Security (Smart CCTV) ทำให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุร้ายขึ้นก็จะมีคนคอยจับตามองและให้ความช่วยเหลือ เสมือนมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มั่นใจได้ว่าจะไม่มีมุมอับลับตาทั้งภายในและภายนอกอาคารอีกต่อไป
4. IoT Operation Center (IOC) System Solution เป็นศูนย์รวมการบริหารจัดการระบบอาคารและสำนักงานเพื่อยกระดับความปลอดภัยแบบองค์รวม ด้วยการบริหารจัดการผ่านจุดเดียว ทำให้สามารถเห็นภาพรวมของทั้งอาคารได้อย่างง่ายดาย และสามารถตรวจสอบได้ว่า อุปกรณ์ส่วนใดมีความบกพร่อง เช่น กล้องวงจรปิดไม่ทำงาน หรือจุดใดมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติ เช่น หากตรวจพบว่าบริเวณไหนมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ เสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้อาคาร ก็สามารถที่จะป้องกันได้ทันท่วงที
AIS IOC ศูนย์รวมการบริหารจัดการความปลอดภัยของอาคาร
บริการ IOC ของ AIS Business สามารถใช้บริหาร กำกับดูแลอาคารและสถานที่ครอบคลุม 4 ด้านหลักสำคัญ ประกอบด้วย
1. ด้านความปลอดภัย (Security) ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เช่น ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ระบบควบคุมการเข้าออกอาคาร (Access Control) และระบบจดจำใบหน้า (Asset Tracking) เพื่อให้ทุกการอยู่อาศัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยปลอดภัย
2. ด้านสิ่งความสะดวกของการอยู่อาศัยในอาคารและสถานที่ (Facility) ระบบการดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อาศัยใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย เช่น ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ (Building Automation) เพื่อใช้ควบคุมระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในอาคาร อาทิ ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง ระบบสัญญาณแจ้งเตือนเพลิงไหม้ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบจดจำป้ายทะเบียน (License Plate Recognition) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้น
3. ด้านสาธารณะสุข (Wellness) ระบบการดูแลติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลโดยตรงต่อผู้อยู่อาศัย เช่น การตรวจวัดคุณภาพอากาศ ค่าฝุ่น PM 2.5 คุณภาพน้ำเสียที่ปล่อยจากตัวอาคาร ปริมาณแสงสว่างภายในอาคาร ค่าอุณหภูมิ ค่าความชื้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผู้อยู่อาศัยจะมีสุขภาพที่ดี หรืออย่างน้อยสาเหตุการป่วยต้องไม่เกิดจากการอยู่อาศัยในอาคารนี้
4. ด้านการดูผู้เข้าใช้งานอาคาร สถานที่ (Guest Service) ระบบการดูแลติดตามข้อมูลของผู้ที่เข้าใช้งานอาคาร สถานที่ ผู้ที่มาติดต่อ โดยสามารถเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างละเอียด เพื่อนำฐานข้อมูลไปบริหารจัดการต่อในอนาคตหากจำเป็น
สนใจโซลูชันเพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถศึกษาเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.ais.th/business/enterprise/industries/property
AIS Business พร้อมสนับสนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ก้าวไปสู่ Smart Building บริการที่มั่นใจได้ด้วยโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ที่มีคลื่นมากที่สุด ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมทีมงานผู้มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมไปถึงแพลตฟอร์มจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และการให้บริการด้าน IoT Solution อย่างครบวงจร สนใจบริการ จาก AIS Business https://www.ais.th/business/enterprise
วันที่เผยแพร่ 14 พฤษภาคม 2567
ข้อมลอ้างอิง
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business
สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก AIS Business เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที