AIS Business ร่วมงาน Thailand Smart City Expo 2024 นำเสนอ นวัตกรรม 5G, IoT, ESG และ Data เพื่อการบริหารเมืองที่ดียิ่งขึ้น

ในงาน Thailand Smart City Expo 2024 ที่ผ่านมานี้ AIS Business ได้มีร่วมออกบูธนิทรรศการ และบรรยายหัวข้อที่น่าสนใจ โดยเสนอถึงวิสัยทัศน์ด้านเมืองอัจฉริยะและนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปจัดแสดงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับเทคโนโลยีต่างๆ และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง 

 

วิสัยทัศน์ด้าน Smart City ของ AIS Business นั้นถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นวิสัยทัศน์ที่ตั้งต้นจากการผสมผสานเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อวางรากฐานสำหรับการต่อยอดของ Smart City ในหลายแง่มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการนำข้อมูลมาผลักดันนวัตกรรมสำหรับเมืองอัจฉริยะและด้านความยั่งยืน รวมถึงการต่อยอดเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ทำให้ในงานครั้งนี้บูธของ AIS Business จัดแสดงภายใต้แนวคิด Data-Driven Innovation for a Greener Future City นั่นเอง 

Thailand Smart City Expo 2024

แล้วเมืองที่ดีต้องเป็นอย่างไรในสายตาของ AIS?

ในหัวข้อการบรรยาย The role of IoT and data in transforming cities for sustainability โดยคุณนิธิภัทร์ อนุสรณ์เสงี่ยม IoT Smart Property and Retail Manager แห่ง AIS นั้น ได้มีการนิยามถึง Smart City เอาไว้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของ Urban Sustainability คือเป็น “เมืองที่พัฒนาอย่างยั่งยืน ตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบัน และรองรับต่อการขยายตัวในอนาคต โดยต้องมีความยั่งยืนทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต” 

 

การกำหนดนิยามดังกล่าวได้สะท้อนกลับมาเป็นความท้าทายที่ทั้งเหล่าหน่วยงานภาครัฐผู้บริหารเมือง และภาคเอกชนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการเข้าไปพัฒนาเมืองสู่ภาพของ Smart City ต้องเผชิญร่วมกัน ได้แก่ 

  1. การขาดแคลนทรัพยากรของเมือง ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างพลังงาน, ไฟฟ้า, น้ำประปา, อาหาร, สาธารณสุข รวมไปจนถึงกระบวนการการทำงานต่างๆ เพื่อดูแลรักษาเมืองให้น่าอยู่ โดยเมืองเศรษฐกิจในแง่มุมต่างๆ ทั้งท่องเที่ยวหรือโรงงาน ก็จะมีทรัพยากรที่ต้องการแตกต่างกันออกไป 
  2. ผลกระทบเชิงสิ่งแวดล้อม ทั้งในแง่ของการสร้างและจัดการขยะ, การจัดการคุณภาพอากาศ, การจัดการความสะอาดของเมืองและแหล่งน้ำ, การดูแลสวนสาธารณะ, การจัดการกับสัตว์ในเมือง โดยบางเมืองที่มีนิคมอุตสาหกรรมก็จะมีแง่มุมที่ต้องคิดเพิ่มเติมจากมลภาวะที่เกิดขึ้นจากการผลิตและแปรรูป 
  3. ความต้องการระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสารผ่านระบบโครงข่าย 5G, การจัดการด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของรถ EV, การจัดการด้านการคมนาคมพื้นฐาน, การจัดการด้านแหล่งพยาบาลและสาธารณสุข, การวางแผนรับมือกับภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ หรืออื่นๆ เพื่อรองรับต่อการเติบโตของประชากร, นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่มาอยู่อาศัย 

 

แน่นอนว่าการจะก้าวไปสู่ภาพของการเป็น Smart City ที่มีความยั่งยืนได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคส่วนซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารเมืองจะต้องมีข้อมูลของเมืองในแบบ Real-Time เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการของประชากรและบริบทของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ณ ปัจจุบัน ไปจนถึงการทำนายแนวโน้มในอนาคตข้างหน้า ซึ่งเมืองที่พัฒนาแล้วนั้นจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 

  1. Resilience เมืองจะต้องมีความยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงและเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ด้วยการมีข้อมูลที่เพียบพร้อมต่อการประเมินสถานการณ์และการวางแผน รวมถึงการมีข้อมูลการดำเนินการที่ครบถ้วนเพื่อการประสานงานได้อย่างรวดเร็ว 
  2. Equality and Inclusion เมืองจะต้องมีความเท่าเทียมและทำให้ผู้อยู่อาศัย, ผู้ที่เข้ามาทำงาน หรือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานของเมืองได้อย่างครบถ้วน 
  3. Resource Efficiency การบริหารจัดการทรัพยากรในเมืองนั้นจะต้องทำได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และแม่นยำ เพื่อรองรับต่อความต้องการของผู้ที่ใช้ทรัพยากรของเมืองได้อย่างครบถ้วน และลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็นลง 

คุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเมืองนั้นๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น, มีสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน และการอยู่อาศัยเป็นไปได้อย่างเหมาะสม 

 

แน่นอนว่าการก้าวไปสู่เป้าหมายเหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีโครงข่ายอย่าง 5G จึงมีบทบาทเป็นอย่างมากในการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของเมืองเข้าด้วยกัน ในขณะที่ IoT เองก็จะเป็นหัวใจสำคัญในการรวบรวมข้อมูลของเมืองและเปลี่ยนให้การบริหารเมืองเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ โดยการสนับสนุนจากเทคโนโลยีอย่าง Cloud และ AI ก็จะทำช่วยให้เมืองนั้นมีความคล่องตัวและชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นในอนาคต ในขณะที่ Cybersecurity ก็เป็นสิ่งที่จะละเลยไปไม่ได้เพื่อปกป้องให้ระบบของ Smart City มีความมั่นคงปลอดภัย ไม่ถูกโจมตีจนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคต 

 

กล่าวโดยสรุปก็คือ Smart City นั้นจะต้องมี Digital Platform ในรูปแบบ Smart Infrastructure ของตนเองเพื่อรองรับต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็นำไปสู่การที่เมืองจะต้องมีระบบ Big Data ของเมือง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการพัฒนาเมืองในแง่มุมที่หลากหลายนั่นเอง 

Thailand Smart City Expo 2024

ตัวอย่างที่ถูกหยิบยกมาให้เห็นภาพมากขึ้นของ Smart City ทั่วโลกมีดังนี้ 

  • Amsterdam เคยเป็นเมืองที่มีปัญหาด้านอุทกภัยเมื่อฝนตกหนัก ทำให้ทีมบริหารเมืองทำการรวบรวมข้อมูลปริมาณน้ำย้อนหลังตั้งแต่ปี 2009 เพื่อนำมาทำนายแนวโน้มในอนาคต และวางแผนงานรับมือ โดยมีทั้งการทำ Blue Roof เปลี่ยนหลังคาของอาคารให้สามารถช่วยกักเก็บน้ำฝนชะลอการเกิดน้ำท่วมและนำน้ำฝนเหล่านั้นมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะของเมืองได้ และการทำ Green Roof เพื่อปลูกต้นไม้บนหลังคาของอาคารสำหรับการดูดซับน้ำฝนและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับเมือง 
  • Barcelona เคยเป็นเมืองที่มีปัญหาเรื่องการจราจรที่แออัดจนทำให้เกิดรถติด ซึ่งเมืองนี้ก็ได้แก้ปัญหาด้วยการนำ IoT Sensor มาใช้ติดตั้งรวบรวมข้อมูลของรถยนต์ตามเสาไฟจรจร และควบคุมสัญญาณจราจรโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถพยาบาลหรือรถฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เส้นทาง ทำให้สามารถแก้ปัญหากรณีที่รถฉุกเฉินต้องวิ่งบนท้องถนนไปถึงเป้าหมายได้เกือบ 100% ในขณะที่ปัญหาการจราจรติดขัดนั้น ก็ลดลงไปได้ถึง 43% เลยทีเดียว 
  • Dubai เคยเป็นเมืองที่มีปัญหาด้านการบริหารจัดการขยะ จึงมีโครงการด้านการทำ Waste Management อย่างจริงจังด้วยเป้าหมายที่จะเปลี่ยนขยะกว่า 5,000 ตันต่อวันให้กลายเป็นพลังไฟฟ้าให้ได้ 200MW ทำให้เมืองนี้มีการวางกระบวนการด้านการทำ Waste Management อย่างครบวงจร ตั้งแต่การแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง, การเก็บรวบรวมข้อมูลการเกิดขึ้นของขยะแต่ละประเภทในแต่ละช่วงเวลาเพื่อการวางแผนที่แม่นยำ ไปจนถึงการกำหนดระบบ Logistics สำหรับขนส่งขยะจากต้นทางไปคัดแยกและนำไปแปรรูปสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้า 
Thailand Smart City Expo 2024

จัดแสดงเทคโนโลยี 4 ธีม เพื่อการบริหารเมืองที่ดีขึ้นในอนาคต

ภายในงาน Thailand Smart City Expo 2024 นี้ ทาง AIS Business ยังได้นำเทคโนโลยีทั้งหมดมาจัดแสดงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับเทคโนโลยีจริงๆ พร้อมมีเหล่าทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Smart City, IoT, 5G และ Data มาพูดคุยที่บูธด้วย โดยในบูธก็ได้มีการจัดแสดงเทคโนโลยีด้วยกันภายใต้ 4 ธีม ดังนี้ 

 

1. Intelligent Data and Infrastructure for Smart City เป็นบูธที่จัดแสดงถึงเทคโนโลยีระบบโครงสร้างพื้นฐานและการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อต่อยอดสู่การทำ Smart City ในแง่มุมที่หลากหลาย  ภายในโซนนี้จะมีการแสดงโซลูชัน 5G M2M SIM และ eSIM สำหรับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อโซลูชันผ่านโครงข่าย 3G, 4G, 5G และ NB-IoT ให้การใช้งานอุปกรณ์ IoT และ Sensor ต่างๆ ในแต่ละภาคอุตสาหกรรมภายในเมือง เช่น อุปกรณ์ Vending Machine, Kiosk, เครื่องรูดบัตร ATM, Mobile POS, CCTV, Body Camera, อุปกรณ์ติดตามสุขภาพ, การติดตามยานพาหนะ, อุปกรณ์การควบคุม Meter ไฟฟ้า, น้ำ, แสงสว่าง และอุปกรณ์สำหรับ Business Application เช่น iPad หรือ Tablet สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในทุกพื้นที่ ไม่ต้องกังวลกับความครอบคลุมของสัญญาณเครือข่ายอีกต่อไป 

Thailand Smart City Expo 2024

ในขณะเดียวกัน ก็มีการนำโซลูชัน Smart Environment Monitoring ที่มีการนำ IoT 4G Board พร้อม Sensor ต่างๆ มาสาธิตให้เห็นถึงการเชื่อมต่อใช้งานอุปกรณ์ IoT และ Sensor ผ่าน IoT 4G Board รวมถึงการบริหารจัดการอุปกรณ์เหล่านั้นผ่าน Platform พร้อมโซลูชัน IoT Smart Farm จาก AIS Business ที่เป็น Use Case ที่พัฒนาจากการใช้งาน IoT 4G Board มาจัดแสดงถึงการเพาะปลูกฟาร์มแนวตั้งในแบบ Smart Farming ที่มาพร้อมกับ IoT Sensor เพื่อติดตามและควบคุมการเพาะปลูก โดยมี iFarm Dashboard สำหรับติดตามข้อมูลสภาพแวดล้อมของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดได้ผ่าน Smartphone 

 

2. Decarbonization Platform and Solution for Green City ในส่วนนี้จะนำเสนอถึงเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองต่อกลยุทธ์ ESG ขององค์กรโดยเฉพาะ ด้วยการนำระบบ Smart Energy & Activity Tracking ที่มีทั้ง Sensor และ Dashboard สำหรับการติดตามการใช้ไฟฟ้า, ปริมาณ CO2, ค่าฝุ่น PM, ค่าความดังของเสียง และจำนวนของผู้คนในแต่ละพื้นที่มาแสดง เพื่อให้องค์กรรับทราบถึงข้อมูลเพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาบริหารจัดการด้านพลังงาน, สุขภาพ และความปลอดภัยในแต่ละพื้นที่ได้อย่างง่ายดายและตรงจุด 

 

นอกจากนี้ก็ยังมีการแสดงโซลูชัน Real-Time Carbon Emissions Dashboard ซึ่งเป็น Platform ที่รวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT และ Sensor หรือกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจขององค์กร มาคำนวณและสรุปเป็นข้อมูลให้เห็นถึงปริมาณการปล่อยคาร์บอนในช่วงระยะเวลาหรือกิจกรรมในสถานที่ตามที่กำหนดเพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการวางแผนการลดการปล่อยคาร์บอนและการจัดทำรายงานด้านความยั่งยืนขององค์กรได้ทันทีอีกด้วย 

 

3. Data Analytics Insight for City Operation and Development อีกหนึ่งบูธที่ AIS Business ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในงานครั้งนี้ก็คือการจัดแสดงเทคโนโลยีด้านการทำ Big Data Analytics สำหรับเมืองโดยเฉพาะ ซึ่งมีความพิเศษคือ AIS Business สามารถนำข้อมูลจากฝั่งผู้ใช้งานระบบโทรคมนาคมของตนเองมาร่วมในการวิเคราะห์โดยไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลได้ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลนี้มีความแม่นยำด้วยข้อมูล Real-Time ของตำแหน่งและการเคลื่อนย้ายของประชากรในแต่ละเมือง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในการทำ Smart City 

Thailand Smart City Expo 2024

โดยในบูธนี้ได้หยิบยก Use Case ของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ผสานข้อมูลจากฝั่งโทรคมนาคมให้เราเห็นภาพกันชัดขึ้น ได้แก่ 

  • Analytic X – City Planning & Development สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรภายในเมือง ที่เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลา ทั้งสำหรับความหนาแน่นของประชากร, ระบบขนส่งมวลชน ทำให้ผู้บริหารเมืองสามารถทำความเข้าใจได้ว่ามีผู้อยู่อาศัย, ผู้เข้ามาทำงาน, ผู้ย้ายถิ่นฐาน หรือนักท่องเที่ยวจำนวนเท่าใดในพื้นที่ใดบ้าง และเข้าใจพฤติกรรมการเดินทางของผู้คนในแต่ละกลุ่มที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนสำหรับการพัฒนาเมืองให้ตอบโจทย์ต่อกิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง 
  • Analytic X – Tourist Behavior Analytics สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถจำแนกได้ทั้งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้ผู้บริหารเมืองสามารถทราบถึงจุดท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม และเส้นทางการเดินทางของนักเที่ยวแต่ละกลุ่มได้ รวมถึงยังสามารถใช้บริการของ AIS เพื่อส่ง SMS ไปสอบถามข้อมูลความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มในแต่ละพื้นที่ได้อีกด้วย 

 

4. AIS EEC – Evolution Experience Center ยังคงเป็นอีกประเด็นที่ AIS ยังคงให้ความสำคัญอย่างมาก กับ AIS EEC โดยศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Thailand Digital Valley) ภายในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งโดย AIS Business ก็อยากเชิญชวนธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ มาร่วมเป็นพันธมิตรและเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัย เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ทางด้าน 5G, IoT, Cloud, AI ไปจนถึง Smart City เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เติบโตไปด้วยกัน 

Thailand Smart City Expo 2024

ในการบรรยายและบูธจัดแสดงที่งานครั้งนี้ AIS Business ได้ชูแนวคิด Data-Driven Innovation for a Greener Future City ผ่านนวัตกรรม 5G, IoT, ESG และ Data เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นในบริการสาธารณะ ตอบโจทย์ภาครัฐเพื่อผลักดันเมืองอัจฉริยะ ส่งเสริมความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ คุณภาพของประชากร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอดสู่โอกาสใหม่ๆให้ประเทศไทย

 

ผู้ที่สนใจโซลูชัน Smart City สามารถติดต่อทีมงาน AIS Business ได้ทันทีที่ Email [email protected]

สำหรับภาครัฐและเอกชน สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โซลูชันเพื่อยกระดับความยั่งยืนขององค์กร ได้ที่ https://www.ais.th/business/enterprise/industries/government

วันที่เผยแพร่ 22 พฤศจิกายน 2567

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business