เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้และอดทนสำหรับภาคธุรกิจ ที่มีความท้าทายทั้งเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ พลังงาน หรือสภาพภูมิอากาศ หากแต่เรื่องของเทคโนโลยีกับภาคอุตสาหกรรมก็จำต้องมีวิวัฒนาการกันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาเปลี่ยนโลกหรือแก้ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้น และทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์นั้นดีขึ้นกว่าที่เป็นมา
ในเรื่องของเทคโนโลยี 5G เองก็เช่นกัน ที่ทาง AIS Business ได้วางการเดินทาง (Journey) กำหนดกลยุทธ์และเสริมแกร่งทั้งเรื่องเทคโนโลยีและบุคลากรให้มีความพร้อมสนับสนุนความต้องการของภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด AIS Business ได้เปิดตัว “AIS 5G NEXTGen for Business” ที่ต้องการประกาศให้โลกรู้ว่า ตอนนี้ AIS Business มีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่ระดับถัดไปที่จะสนับสนุนโครงข่าย 5G กับภาคธุรกิจได้อย่างหลากหลายมากขึ้น พร้อมทั้งเผย 4 องค์ประกอบที่มาผสมผสานกันเป็น Ecosystem ที่จะทำให้องค์กรสามารถทำ Digital Transformation ด้วยเครือข่าย 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 4 องค์ประกอบที่กล่าวมานั้นคืออะไร ติดตามได้ในบทความนี้
การเดินทางของ AIS Business กับ 5G ในภาคธุรกิจ
กว่าจะมาถึงจุดที่ AIS สามารถให้บริการสัญญาณเครือข่าย 5G ด้วยจำนวนคลื่นความถี่มากที่สุดและสัญญาณดีที่สุดได้นั้น เรียกได้ว่าต้องมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการวางรากฐาน และจัดการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ต่าง ๆ ทั้งเรื่องเสาสัญญาณ ตัวรับส่งคลื่นความถี่ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ได้ผนวกรวมกันเรื่อยมาจนทำให้เกิดเป็นโครงข่าย 5G ที่มีเสถียรภาพและครอบคลุมทั่วประเทศได้ในทุกวันนี้
หลังจากเตรียมความพร้อม ทดสอบ ทดลอง 5G ร่วมกับภาครัฐและการศึกษาในพื้นที่ Sandbox ก่อนการประมูลคลื่นความถี่ ปี 2020 AIS จึงได้คว้าคลื่นความถี่ที่มากที่สุด พร้อมวางรากฐานเครือข่าย 5G อย่างแข็งแกร่ง เป็นเสมือนปฐมบทที่ AIS Business ได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ โดยมุ่งหวังต้องการผลักดันให้ธุรกิจต่าง ๆ ภายในประเทศไทยได้ใช้งานเทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถทำ Digital Transformation ได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา มีศักยภาพการแข่งขันในท้องตลาดทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก
สิ่งนี้เองจึงทำให้ AIS Business ได้เริ่มลงทุนต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน เปิดตัวโซลูชัน 5G ที่หลากหลายรูปแบบ พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับองค์กรผู้เชี่ยวชาญมากมายที่มาร่วมกันสร้างกรณีการใช้งาน (Use Case) เครือข่าย 5G ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ 5G Ecosystem ของ AIS Business มีความแข็งแกร่งในทุก ๆ ด้าน และพร้อมที่จะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานขององค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมได้อย่างดีที่สุด
จนกระทั่งช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา เราก็เริ่มได้เห็น Use Case ที่เป็นลักษณะเชิงพาณิชย์ (Commercialization) ของการใช้งาน 5G ในภาคธุรกิจกันจริง ๆ แล้ว ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (Thai Automation & Robotics Association : TARA) ที่เริ่มใช้งานโซลูชัน 5G Private Network ภายในโรงงานของ Yawata ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเข้าใกล้ความเป็น Smart Manufacturing และ Thailand Industry 4.0 มากขึ้น อีกตัวอย่างหนึ่งคือโรงพยาบาล ViMUT ที่ทาง AIS Business ได้ให้บริการเครือข่าย 5G พร้อมโซลูชันบริหารจัดการแบบครบวงจร พร้อมเสริมประสบการณ์การพบแพทย์ระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันหรือ Telemedicine ที่ยกระดับอุตสาหกรรม Healthcare ทำให้โรงพยาบาล ViMUT แห่งนี้กลายเป็น Smart Hospital ได้สำเร็จแล้ว
ก้าวถัดไปกับ 4 องค์ประกอบ เสริมสร้าง 5G Ecosystem ให้แข็งแกร่ง
หลังจากที่ AIS Business สามารถผลักดันให้ภาคธุรกิจเริ่มใช้งานโซลูชัน 5G ในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จแล้ว ก้าวถัดไปของ AIS Business ที่กำลังมุ่งเป้าคือ การขยายโอกาสใหม่ๆ ให้ลูกค้าสามารถการใช้โซลูชัน 5G ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเร่งสนับสนุนให้องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมสามารถพลิกโฉมได้ทันกับสถานการณ์โลก สิ่งนี้เองจึงเป็นที่มาของ 4 องค์ประกอบที่อยู่ภายใต้ “AIS 5G NEXTGen for Business” ที่เปรียบเสมือนส่วนผสมที่จะบ่มให้ 5G Ecosystem ของ AIS Business มีความแข็งแกร่งและมี Use Case ใช้งานจริงมากขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด โดย 4 องค์ประกอบดังกล่าวนั้นมีดังต่อไปนี้
1. AIS 5G Experience Center & Laboratory
ด้วยความที่ยังมีคนจำนวนมากในปัจจุบันอาจจะยังมองไม่เห็นภาพว่าจะสามารถนำเอาโซลูชัน 5G มาใช้งานในธุรกิจของตัวเองได้อย่างไร ครั้นจะลงทุนลองผิดลองถูกกันไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเสียงบประมาณไปโดยใช่เหตุแถมอาจจะไม่ได้โซลูชันที่ตอบโจทย์อีกด้วย
AIS Business มองเห็นปัญหานี้ จึงได้ร่วมมือกับทาง depa เตรียมการเปิดศูนย์การเรียนรู้ “AIS 5G NEXTGen Center & Laboratory” ด้วยแนวคิดที่จะทำให้ศูนย์นี้เป็นแหล่งเรียนรู้ (Learning) เทคโนโลยี 5G เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดีย (Idealization) ใหม่ ๆ และทดลองนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้จริง (Realization) ซึ่งพื้นที่แห่งนี้จะรับรองภาคธุรกิจให้สามารถเข้ามาพูดคุย เรียนรู้ และทดลองเชิงปฏิบัติการนำเอาโซลูชัน 5G มาใช้ในธุรกิจของตัวเองได้ เสมือนเป็นพื้นที่ที่ให้องค์กรเข้ามาร่วมเฟ้นหาไอเดีย จุดประกายความคิด ค้นหา Use Case ใหม่ ๆ ในการใช้งานโซลูชัน 5G ร่วมกันกับทาง AIS Business ซึ่งศูนย์ดังกล่าวนี้จะตั้งอยู่ที่ Thailand Digital Valley ภายในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยมีแผนที่จะเปิดตัวภายในปี 2022 นี้
2. AIS Paragon Platform
หลังจากที่องค์กรเริ่มเห็นภาพว่าจะสามารถประยุกต์ใช้งานโซลูชัน 5G ในธุรกิจตัวเองได้อย่างไรแล้ว ขั้นตอนถัดไปอันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “การใช้งานจริง” ภายใต้เงื่อนไขและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของแต่ละองค์กร ซึ่งหากเป็นแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิม ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการพูดคุยหารือ ตรวจสอบเงื่อนไขความต้องการของหน้างาน พร้อมกับออกแบบคัดสรรประกอบโซลูชันต่าง ๆ ก่อนนำไปปรับใช้ (Deploy) กันจริงได้ ขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้น
แต่อย่างที่รู้กัน “เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ” เหตุนี้เอง AIS Business จึงได้เตรียม “AIS Paragon Platform” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแรกของประเทศไทยที่เป็นลักษณะ One-Stop Platform รวบรวมโซลูชันทุกรูปแบบทั้ง 5G Network Orchrestrator, MEC, Edge, Cloud หรือว่า Application Ecosystem ไว้ในจุดเดียว เพื่อสนับสนุนให้บรรดาธุรกิจที่ต้องการใช้งานโซลูชัน 5G สามารถเริ่มต้นใช้งานจริง พลิกโฉมกลายเป็นธุรกิจดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วทันทีทันใด อีกทั้ง ด้วยความร่วมมือกับทาง Singtel ล่าสุดนั้นได้สนับสนุนให้สามารถให้บริการในระดับภูมิภาค (Regional) ได้อย่างไร้รอยต่อ (Seamless) สามารถต่อยอดกับ Marketplace ของทาง Singtel ได้ทันทีผ่านทาง AIS Paragon Platform ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเริ่มต้นใช้งานโซลูชัน 5G ผ่านแพลตฟอร์มนี้สามารถลดต้นทุนและสามารถบริหารจัดการได้อย่างไร้รอยต่อโดยแท้จริง
ไม่ว่าองค์กรจะต้องการใช้งานแบบ Network Slicing หรือ Private Network ด้วยแบนด์วิธ (Bandwidth) สูง ความหน่วงต่ำ (Low Latency) เพียงใด ต้องการใช้บริการ MEC หรือ Cloud Provider ชั้นนำหรือแอปพลิเคชันอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้สามารถเลือกใช้งานตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วผ่าน AIS Paragon Platform ที่ AIS Business ให้บริการได้ทันที ที่สำคัญแพลตฟอร์มยังมีความสามารถในการปรับขนาด (Scalable) ที่ทำให้ธุรกิจเลือกใช้ขนาดเล็กในช่วงเริ่มต้น ทดลองกับปริมาณงาน (Workload) น้อย ๆ ก่อนได้ด้วย และเมื่อรู้สึกมั่นใจหรือพร้อมขยายการใช้งานโซลูชันต่าง ๆ ไปในวงกว้างขึ้น ก็สามารถปรับขนาดผ่านแพลตฟอร์มได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว
3. AIS 5G Digital Transformation
เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลใหม่ หากธุรกิจต้องการที่จะก้าวข้ามต่อไปให้ทันกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ก็จำเป็นจะต้องเตรียมการปรับใช้โซลูชันแบบใหม่ที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนในการปรับปรุงพลิกโฉมรูปแบบการทำธุรกิจขององค์กรได้รวดเร็วทันท่วงที ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ได้เห็นแล้วว่าการทำ “Digital Transformation” ให้สำเร็จนั้นจำต้องแข่งขันกับเวลาและงบประมาณทั้งสิ้น
AIS Business มีความพร้อมทั้งเรื่องโครงข่าย 5G อันชาญฉลาด มีพาร์ตเนอร์ภายใน Ecosystem รอบด้าน มีโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มที่พร้อมสนับสนุนความต้องการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและทีมงานผู้เชี่ยวชาญมากมาย จึงเรียกได้ว่า AIS Business คือผู้ที่สามารถช่วยสนับสนุนให้องค์กร Transform ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ที่สำคัญ พาร์ตเนอร์ล่าสุดที่ทาง AIS Business เพิ่งลงนามไปเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2022 ที่ผ่านมานั้น คือ NCS ผู้เป็น System Integrator ชั้นนำระดับภูมิภาคและเป็นบริษัทลูกของ SingTel ยักษ์ใหญ่เทเลคอมแห่งสิงคโปร์ การได้พาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง NCS นี้จะยิ่งเสริมแกร่งให้กับ 5G Ecosystem ของ AIS Business อย่างมหาศาล ทำให้สามารถส่งมอบโซลูชันที่ครบวงจรและหลากหลายได้มากขึ้นโดยไม่ว่าจะเป็นโซลูชันสำหรับการเริ่มต้นการทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปจนถึงโซลูชันขนาดใหญ่อย่างการสร้าง Smart City หรือ Smart Airport ซึ่งทาง AIS Business และพาร์ตเนอร์มีความพร้อมสนับสนุนทุกความต้องการอย่างแน่นอน
4. AIS 5G Vertical Solutions
แน่นอนว่าแต่ละธุรกิจก็ย่อมมีรายละเอียดความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่แตกต่างกันไป ซึ่งนำโซลูชันเดียวกันไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความต่างกันอย่างมาก เช่น การใช้งานหุ่นยนต์ (Robot) ในธุรกิจค้าปลีก (Retail) กับธุรกิจการผลิต (Manufacturing) ที่ความต้องการหรือฟังก์ชันการใช้งานต่างกันอย่างเห็นได้ชัด การปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นยนต์ให้เข้ากับบริบทของแต่ละอุตสาหกรรมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
เพราะเหตุนี้เอง AIS Business จึงมี “5G Vertical Solutions” พร้อมกับพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ Manufacturing, Transportation & Logistics, Property & Retails, Healthcare และ Agriculture ที่จะมาร่วมเจาะลึกความต้องการและปรับแต่ง (Customize) โซลูชันในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถใช้งานได้เฉพาะเจาะจงตามบริบทของแต่ละธุรกิจได้ดีขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หากใครได้มีโอกาสไปงาน Thailand 5G Summit ที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดเจนว่า AIS Business มีพาร์ตเนอร์และโซลูชันในการทำ Smart Manufacturing มากมายและพร้อมใช้งานจริงแล้วด้วย รวมทั้ง ล่าสุดที่ทาง AIS ได้ผนึกกำลังกับทาง Siemens ผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยี Automation และ Digitalization สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกยังได้เข้ามาเสริมความพร้อมการให้บริการโซลูชัน 5G สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตอีก ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า 5G Ecosystem ของ AIS Business มีความพร้อมที่จะตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้
บทส่งท้าย
จากการเดินทางและวิวัฒนาการของ AIS กับโซลูชัน 5G พร้อมกับ 4 องค์ประกอบที่ได้เตรียมการไว้นั้น เห็นได้ชัดเจนว่าก้าวถัดไปของ AIS Business ที่จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจสามารถทำ Digital Transformation ได้สำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะไกลเกินฝันอีกต่อไป และก้าวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะพาองค์กรก้าวข้ามผ่านวิกฤตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก พร้อมกับเดินหน้าสู่ตลาดระดับโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับองค์กรที่ต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับ AIS 5G NEXTGen for Business เพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงาน AIS Business เพื่อพูดคุยถึงแนวทาง ผลิตภัณฑ์ หรือโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจของท่านได้ หรือเข้าเว็บไซต์ https://business.ais.co.th เพื่อชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทันที
วันที่เผยแพร่ 17 พฤศจิกายน 2565
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business