อุตสาหกรรมการค้าปลีกมีพัฒนาการกันมาต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษ แต่การเปลี่ยนแปลงมีความรวดเร็วมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ E-Commerce รวมไปถึงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม อีกทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลก็ถือเป็นปัจจัยหลักอีกประการที่ทำให้อุตสาหกรรมการค้าปลีกมีวิวัฒนาการความล้ำหน้ามาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี IoT มีการคาดการณ์จาก Grand View Research ว่า มูลค่าการลงทุนในเทคโนโลยี IoT ของอุตสาหกรรมการค้าปลีกจะเพิ่มสูงขึ้นไปแตะระดับ 182.04 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2028[1] จากการคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า จากนี้ไป IoT จะทวีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเป็นหนึ่งกลไกสำคัญที่จะนำมาซึ่งระบบค้าปลีกอัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วทั้งโลก
Smart Retail กับการเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการชอปปิง
ในวันนี้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่างมีเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการจับจ่ายสินค้าให้กับลูกค้า เพราะเมื่อลูกค้าได้รับความพึงพอใจจากประสบการณ์การชอปปิงที่สะดวกรวดเร็วและเป็นไปอย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะรูปแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจและผูกพันกับองค์กร ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับลูกค้าจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภค นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่างพยายามพัฒนาระบบค้าปลีกอัจฉริยะของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น
เทคโนโลยีเหล่านี้จัดว่าเป็นระบบค้าปลีกอัจฉริยะที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมค้าปลีกขนาดใหญ่ได้มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว ซึ่งระบบค้าปลีกอัจฉริยะเหล่านี้ได้เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบาย และเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการชอปปิงให้กับลูกค้าเป็นรายบุคคลได้เลยทีเดียว ซึ่งลูกค้าต่างก็ประทับใจกับประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับด้วยเช่นกัน
Smart Retail คุณค่าที่ยกระดับอุตสาหกรรมให้ก้าวไปอีกขั้น
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่างรู้ว่า ควรจะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันที่มากขึ้น การพัฒนาตนเองให้เข้าสู่ความเป็น Smart Retail ถือเป็นสิ่งที่ต้องรีบดำเนินการ แต่ก็มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ยังเกิดคำถามว่า Smart Retail จะมอบประโยชน์และคุณค่าใดให้กับธุรกิจได้บ้าง ซึ่งเราจะขอสรุปประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงธุรกิจค้าปลีกไปสู่การเป็น Smart Retail ให้ได้ทราบดังนี้
1. บริหารจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง AI และ IoT เข้ามาช่วยให้กระบวนการบริหารจัดการสินค้า ทั้งสินค้าคงคลัง สินค้าหน้าร้าน และสินค้าที่อยู่ในระหว่างการจัดส่ง จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะบริหารจัดการสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ สามารถที่จะลดความผิดพลาดในการจัดเก็บ ลดความผิดพลาดในการลำเลียงขนส่ง และลดความเสียหายของสินค้าได้มากขึ้น เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยตรวจจับ คัดกรอง และรายงานผลข้อมูลของสินค้าให้ผู้ประกอบการได้ทราบแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินได้ว่า สินค้าแต่ละชนิดควรจะจัดเก็บแบบไหน จัดส่งลำเลียงอย่างไร และควรจะจัดสรรแรงงานเพื่อดูแลตรวจสอบสภาพสินค้าและการเช็กสต๊อกอย่างไรบ้าง
2. มีระบบตรวจสอบที่เพิ่มความโปร่งใส การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ระบบค้าปลีกดำเนินไปแบบ Smart Retail นั้นจะส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวในห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการติดตามตรวจสอบได้ในทุกส่วนของระบบห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ทุกส่วนของการดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเกิดความโปร่งใส
3. ขยายการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพได้อย่างครอบคลุม ปัญหาหนึ่งที่ภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกมักต้องพบเจอก็คือ การกระจุกตัวของระบบงานสำคัญ อย่างระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้า ระบบข้อมูลสินค้าที่มักจะต้องส่งมาจากส่วนกลาง ซึ่งการที่ระบบงานสำคัญกระจุกตัวอยู่ที่ศูนย์กลางแห่งเดียว ทำให้เกิดคอขวดในระบบงาน ระบบการดำเนินการในหลาย ๆ ส่วนจึงล่าช้า ต้องรอการตรวจสอบหรือรอข้อมูลจากส่วนกลางก่อนถึงจะดำเนินการในขั้นถัดไปได้ หากระบบเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ธุรกิจต้องเสียโอกาสไปมากมาย แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น Smart Retail เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้ระบบงานสำคัญกระจายตัวออกไปจากส่วนกลาง ทำให้การดำเนินการของระบบงานสำคัญดำเนินไปได้อย่างอัตโนมัติ ไม่ว่าจะมีกี่สาขาก็สามารถดำเนินการได้ในทันที ข้อมูลจะส่งไปบน Cloud เพื่อจัดเก็บประมวลผลในทันที ไม่ต้องรอเหมือนเช่นที่ผ่านมา
4. มอบประสบการณ์และความพึงพอใจได้ดีขึ้นกว่าเดิม การใช้ IoT ให้อุปกรณ์แต่ชิ้นสามารถส่งข้อมูลไปประมวลผลบน Cloud โดยมี AI เข้าช่วยบริหารจัดการข้อมูลและทำการวิเคราะห์ ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมค้าปลีกสามารถทำความเข้าใจและล่วงรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งก็จะทำให้ฝั่งผู้ประกอบการสามารถออกแบบและนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าได้อย่างยืดหยุ่นและเหมาะสมมากกว่าที่เคย นอกจากนั้นแล้วยังสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในเรื่องการให้บริการได้ดีมากขึ้น ทั้งการชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว การรับประกันและการส่งคืนสินค้า การให้คำแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าแต่ละชนิด สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการชอปปิงและเกิดความประทับใจในที่สุด
อย่างไรก็ดี Smart Retail ไม่ได้เป็นเพียงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงการปรับใช้เทคโนโลยีอันชาญฉลาดควบคู่ไปกับกลยุทธ์ทางการตลาด และเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดด้วย ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกจึงต้องตระหนักเสมอว่า เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เลือกลงทุนจะสามารถมอบคุณค่าอะไรแก่ลูกค้าและธุรกิจของตนเองบ้าง คำถามที่ถูกต้องเท่านั้นถึงจะนำทางไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะในวันนี้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ไม่ควรมองข้ามไป
AIS Business ก็พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกให้ก้าวไปสู่ Smart Retail อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยโซลูชัน Digital Marketing แบบครบ 360 องศา และอาวุธการตลาดอย่าง Intelligent Data Analytics ที่เข้ามาช่วยวางแผนการทำธุรกิจ และด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีทางการตลาด (Marketing Technology หรือ MarTech) ครบครัน ช่วยยกระดับการสื่อสารทางการตลาดที่ และสร้างความตระหนักรู้ เพิ่มโอกาสการขาย เปลี่ยนข้อมูลลูกค้า (Leads) ให้กลายมาเป็นลูกค้าจริง และสร้างลูกค้าที่สนับสนุนและภักดีต่อแบรนด์อีกด้วย
นอกจากนี้การผลิตคอนเทนต์ดิจิทัลในรูปแบบมัลติมีเดีย การพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Application) บริการจัดการโซเชียลมีเดีย การจัดการสื่อโฆษณาดิจิทัล การสร้างแคมเปญการตลาดดิจิทัล รวมไปถึงโซลูชันการสื่อสารอัจฉริยะ (Smart Communication Solutions) AIS Business มีอาวุธทางการตลาดรอบด้านควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถช่วยขับเคลื่อนและขยายผลการทำธุรกิจของลูกค้าเป็นรูปธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ AIS Business จึงพร้อมผลักดันให้ผู้ประกอบการค้าปลีกไทยสามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่ Smart Retail ได้อย่างสมบูรณ์ตามที่ต้องการ
วันที่เผยแพร่ 20 กรกฎาคม 2566
Reference
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business
สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก AIS Business เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที