วันนี้ภาคอุตสาหกรรมการผลิต สามารถนำเทคโนโลยีเครือข่าย 5G มาอัปเกรดขีดความสามารถให้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างน่าสนใจ เพราะการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจมีความเหนือชั้นและแตกต่าง รวมไปถึงยังเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ภาคการผลิตก้าวสู่การเป็น Smart Manufacturing ได้อย่างสมบูรณ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ อาจเรียกได้ว่า 5G เป็นกุญแจสำคัญที่จะไขสู่ประสิทธิภาพใหม่ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเลยทีเดียว ดังนั้นเรามาดูกันว่า บทบาทของ 5G จะช่วยสร้างการผลิตอัจฉริยะทั้งในวันนี้และในอนาคตข้างหน้าได้อย่างไรบ้าง
5G ปัจจัยขับเคลื่อนสู่การผลิตอัจฉริยะ
ในวันนี้อุตสาหกรรมการผลิตทั้งหลายกำลังให้ความสำคัญอย่างมากกับเทคโนโลยี Robotics Automation เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การทำงานของสายการผลิตในโรงงานดำเนินไปได้อย่างอัตโนมัติ ทั้งเครื่องจักรการผลิต และเครื่องจักรในระบบลำเลียงสินค้าล้วนเป็นอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) สามารถที่จะเชื่อมต่อสื่อสารและทำงานประสานกันได้อย่างอัตโนมัติ จากการรวบรวมข้อมูลมีการคาดการณ์ว่า จะมีการใช้งานอุปกรณ์ IoT มากกว่า 31 พันล้านหน่วยภายในปี 2025 เป็นอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประมาณ 14 พันล้านหน่วยในปี 2021 ซึ่งอัตราส่วนการใช้งานที่เพิ่มขึ้นนี้ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในภาคอุตสาหกรรม[1]
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าอุปกรณ์ IoT มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรมการผลิตได้มากขึ้นจากเดิมถึง 160%[2] และแกนกลางสำคัญที่จะเชื่อมโยงให้อุปกรณ์ IoT ในเทคโนโลยี Robotics Automation สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่องก็คือ เทคโนโลยีเครือข่าย 5G การผลิตอัจฉริยะจะเกิดขึ้นจริงได้โดยสมบูรณ์ อุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ จะต้องเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย 5G Network จึงเป็นคำตอบในเรื่องนี้ เนื่องจากว่า
คุณสมบัติเหล่านี้ของ 5G นับเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์ IoT ในภาคการผลิตสามารถดำเนินงานเองได้แบบอัตโนมัติ ยิ่งเมื่อบูรณาการ 5G, Cloud และ AI เข้าหากันให้กลายเป็นเทคโนโลยีฐานรากของระบบการผลิต ก็จะนำไปสู่ระบบการผลิตแบบอัจฉริยะที่ไม่ต้องมีคนคอยควบคุม สามารถสั่งการทำงานจากระยะไกลและให้ระบบต่าง ๆ ทำงานด้วยตัวเองได้เลย รวมไปถึงผู้ควบคุมดูแลระบบยังสามารถที่จะตรวจสอบการทำงานของระบบการผลิตจากระยะไกลได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย ซึ่งระบบการผลิตอัจฉริยะแบบนี้ ไม่เพียงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีด้านอื่น ๆ อีก คือ
การศึกษาล่าสุดของ Accenture ระบุว่า โรงงานการผลิตที่มีการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในการผลิต สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมได้มากถึง 20-30% เลยทีเดียว[3]
จะเห็นได้ว่า 5G Network ถือเป็นแกนหลักสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมการผลิตก้าวไปสู่ประสิทธิภาพใหม่ของการผลิตแบบอัจฉริยะตามที่ต้องการได้ ดังตัวอย่างของ โรงงาน Somboon Advance Technology ซึ่งได้มีการนำ 5G เข้าไปใช้งานทำให้สามารถยกระดับการผลิตให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน
5G Network ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น และปลอดภัย
5G นอกจากจะเป็นหัวใจของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ในสายการผลิต ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นแล้ว 5G Network ยังมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อภาคการผลิตในแง่มุมอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
1. ปรับรูปแบบการใช้งานภายในองค์กรได้อย่างยืดหยุ่น 5G ไม่ใช่เพียงแค่จะนำมาใช้กับเครื่องจักรในสายการผลิตได้เท่านั้น แต่ยังสามารถปรับรูปแบบของเครือข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งานในส่วนอื่น ๆ ขององค์กรได้หลากหลายด้วย สามารถที่จะปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปภายในออฟฟิศ หรือจะออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละแผนกขององค์กรก็สามารถทำได้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามความต้องการ รวมถึงถ้าต้องการขยายเครือข่ายสัญญาณและต้องการบำรุงรักษาระบบก็ยังทำได้ง่ายมากขึ้นด้วย
2. ช่วยยกระดับความปลอดภัยข้อมูลได้เป็นอย่างดี ภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะต้องไม่ลืมว่า อุปกรณ์ IoT นั้นทำงานเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติ หากมีผู้ไม่หวังดีพบจุดบกพร่องของระบบ Network ในองค์กร เจาะระบบเข้ามาและรบกวนการทำงานหรือตัดการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ก็จะทำการผลิตต้องหยุดชะงัก สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจอย่างมหาศาล แต่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถปรับรูปแบบการใช้งานอย่างยืดหยุ่นของ 5G นี่เอง ทำให้องค์กรสามารถที่จะเลือกรูปแบบการวางเครือข่ายที่เหมาะสมกับธุรกิจได้ และหากภาคการผลิตต้องการระบบเครือข่าย 5G ที่เป็นส่วนตัวโดยเฉพาะมากขึ้น ก็สามารถที่จะเลือกเป็นโซลูชัน 5G Private Network ที่แยกออกมาจากเครือข่ายทั่วไปได้ ซึ่งเครือข่าย 5G ที่เป็นส่วนตัวแบบนี้จะมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้สามารถปกป้องข้อมูลและป้องกันการเจาะระบบเครือข่ายจากผู้ไม่หวังดีได้ แม้จะเป็นระบบเครือข่ายที่รัดกุมมากขึ้น แต่การกำหนดนโยบายและสิทธิ์การเข้าถึงต่าง ๆ ก็ยังคงยืดหยุ่นปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กรเช่นเดิม
3. ช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องการวางโครงสร้างระบบ Network ในองค์กร การเชื่อมต่อเป็นหัวใจสำคัญของภาคการผลิตเสมอ เครื่องจักรการผลิตในโรงงานต่าง ๆ แต่เดิมก็ถูกออกแบบมาให้ใช้การเชื่อมต่อการทำงานกับระบบ Network แบบมีสาย จนระยะต่อมาสามารถเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wi-Fi ได้ แต่ก็เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการโครงสร้างระบบ Network ทั้งในสายการผลิตและในส่วนอื่น ๆ ขององค์กร เพราะจะต้องมีการวางโครงสร้างระบบ Network ที่แยกส่วนกันไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่อง Network Traffic ตรงนี้จึงทำให้ภาคการผลิตมีต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มในการออกแบบโครงสร้างระบบ Network แต่เมื่อมีเครือข่าย 5G เข้ามา ปัญหาและอุปสรรคในเรื่องนี้ก็ถูกทลายลง เพราะแค่ผู้ประกอบการออกแบบโครงสร้างระบบ 5G Network เพียงครั้งเดียว ก็สามารถปรับรูปแบบการใช้งานระบบ Network ในองค์กรตามแบบที่ต้องการได้ จะแยกส่วนหรือรวมศูนย์ก็ทำได้ทั้งหมด หากมีการเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิตใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องวางระบบ Network ใหม่แต่อย่างใด สามารถปรับรูปแบบการใช้จากระบบ 5G Network เดิมที่มีอยู่ได้เลย ทำให้องค์กรประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนในการวางโครงสร้างระบบ Network ในองค์กรไปได้มากทีเดียว
จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีเครือข่าย 5G ออกแบบมาให้มีความสามารถ มีความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพสูง สามารถนำมาประยุกต์และปรับใช้งานกับภาคการผลิตและธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นได้หลากหลาย แต่สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตแล้ว 5G ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำภาคการผลิตไปสู่ศักยภาพใหม่ที่ดียิ่งกว่าเดิม ล้ำหน้าในปัจจุบันและอัจฉริยะขึ้นสำหรับอนาคตข้างหน้า AIS Business พร้อมสนับสนุนภาคการผลิตของไทยให้ก้าวไปสู่การเป็น Smart Manufacturing ได้อย่างเต็มรูปแบบตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยประสบการณ์การดูแลลูกค้าภาคธุรกิจและโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G เพื่อการทำงานของภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ราบรื่น ด้วยบริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ด้วยความพร้อมเต็มรูปแบบของ Intelligent Network, โครงข่าย 5G, Cloud Platforms, และ Cyber Security ที่ตอบโจทย์ทั้งความเร็ว ความยืดหยุ่น ช่วยยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลและระบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยขององค์กร จึงพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคการผลิตของไทย เพื่อให้ภาคการผลิตของไทยมีศักยภาพในการรับมือกับทุกความท้าทาย และพร้อมสำหรับทุกโอกาสในการแข่งขัน อันจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
วันที่เผยแพร่ 15 มิถุนายน 2566
Reference
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business
สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก AIS Business เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที