เส้นทาง: เกาสง (Kaohsiung) - เจียอี้ (Chiayi) - ไทเป (Taipei)
ออกเดินทาง: 13-16 มีนาคม 2568
พร้อมหรือยังที่จะออกเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของไต้หวันในฤดูใบไม้ผลิ? ทริปแบ็คแพ็ค 4 วัน 3 คืนนี้จะพาคุณไปตามล่าหา "ซากุระ" ที่บานสะพรั่งท่ามกลาง ธรรมชาติงดงาม! ตั้งแต่ทะเลใต้ของเกาะไต้หวัน “เขิ่นติง” ไปจนถึง “อุทยานเขาอาลีซาน” ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูสดใส เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผจญภัย ที่ทั้งตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความประทับใจในทุกเส้นทาง!
“เตรียมตัวก่อนเดินทาง”
ก่อนอื่นอย่าลืม! Activate SIM2Fly เอเชีย&ออสเตรเลีย399.- ลงทะเบียนจากไทยให้เรียบร้อย เพื่อให้มีอินเทอร์เน็ตใช้ทันทีที่ถึงไต้หวัน โดยทริปนี้ เราเลือก เช่ารถขับเองใน 2 วันแรก แล้วเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในวันถัดไป
แพลนเที่ยวไต้หวัน 4 วัน 3 คืน
เราบินลงสนามบินเกาสง KKH (Kaohsiung International Airport) ตอน 08.00 น. รับสัมภาระเสร็จ ให้เดินออกมาเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 300m ตามป้าย car rental เพื่อรับรถที่เราจองผ่านออนไลน์มา
เอกสารที่ใช้ยื่นรับรถที่ไต้หวัน
สิ่งที่จะได้รับมา
เราเปิดประเดิมด้วยการขับรถตรงดิ่งไปที่ “เขิ่นติง” Kenting National Park ก่อนเลย ระยะทางประมาณ 110km ขึ้นทางด่วนที่นี่จะเหมือนขับรถเส้นทางปกติ ไม่มีด่านมากั้นเหมือนบ้านเรา สามารถขับผ่านขึ้นมาได้เลย ค่อยรวบไปจ่ายอีกทีตอนวันคืนรถ ระหว่างทางมีจุดพักรถเป็นระยะๆ ขับไปก็ชมวิวไป บ้านเมืองเขาดูสะอาดตาดี ล้อมรอบด้วยภูเขา มีลมพัดตลอดทาง
ถึงแล้วว อุทยานแห่งชาติเขิ่นติง พื้นที่ครอบคลุมทางตอนใต้สุดของเกาะไต้หวัน ในเมืองผิงตง (Pingtong) มีทัศนียภาพสวยงาม ทางเดินเป็นเนินลาด ด้านข้างมีพื้นหญ้าปกคลุม สีเขียวตลอดทาง เดินมาสักระยะจะเจอ “ประภาคารเอ๋อหลวนปี๋” (Eluanbi Lighthouse) เด่นขาวสะอาดตา บรรยากาศดีต่อใจ แดดไม่ร้อนมาก ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ด้านในมีภาพถ่ายเล่าประวัติสั้นๆ ของที่นี่จัดแสดงไว้อยู่
ขับรถต่อมาอีกหน่อย ห่างกันไม่มากมาที่ “หลงผาน” (Longpan Park) จุดชมวิวธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด ด้วยหน้าผาหินปูนที่ถูกลมทะเลกัดเซาะ และที่เห็นอยู่นี่คือ วิวมหาสมุทรแปซิฟิกแบบพาโนรามา ใครที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติสุดอลังการ ต้องแวะมา!
ตกเย็นกลับมา เดินเล่นเพลินๆ ที่ “ตลาดลิ่วเหอ” Liuhe Night Market เจอของกินสารพัด ตั้งแต่ซีฟู้ดสดๆ ไปจนถึงของหวานแบบไต้หวัน แต่ไฮไลต์ของมื้อนี้ต้องยกให้ “ข้าวผัดซุปไข่” ที่หอมกระทะสุดๆ ข้าวนุ่ม เค็มมันกำลังดี ร้านตั้งอยู่หัวมุมสุดตลาด คนไต้หวันมาต่อรอคิวกันยาวมาก... เต็มอิ่มวันแรก check-in เข้าพักโรงแรม Q21 ห้องพักกำลังดี นอนสบายไม่มีกลิ่นบุหรี่ และบริการที่จอดรถฟรีอีกด้วย
“อุทยานแห่งชาติอาลีซาน” Alishan National Park – ไฮไลต์ของวันนี้คือ การขึ้นเขาไปชมซากุระบาน (ช่วงมีนาคม-เมษายน) ตรงกับช่วงเทศกาลพอดี เราขับรถลัดเลาะตามทาง มาจอดที่หน้าอุทยานเสียค่าเข้าอุทยานคนละ 300 NT (ใครมารถบัสจากเจียอี้-อาหลีซาน จะได้ส่วนลดเหลือ 150 NT ด้วยนะ)
เดินผ่านทางเข้ามาถึงจุดซื้อตั๋วขึ้นรถไฟสายโบราณมีให้เลือกเส้นทางชมธรรมชาติหลายจุด ไป-กลับ ราคา 100 NT ส่วนเราเลือกเส้นทางสายสีชมพู “สถานนีเจ่าผิง” (Zhaoping Station) เสียค่ารถไฟขาไปคนละ 50 NT รับชมวิวธรรมชาติข้างทางรถไฟ แล้วเดินกลับลงมา สูดอากาศบริสุทธิสดชื่นเต็มๆปอด ได้เห็นวิวไปอีกแบบ
บนทางเดินของ Alishan สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่ ลำต้นเก่าแก่ให้ความรู้สึกขลังเบาๆ อากาศเย็นสบาย ร่มสงบ เดินไปแวะถ่ายรูปไปเรื่อย จนมาถึง Sister Pond หรือ "ทะเลสาบสองพี่น้อง" เป็นผืนน้ำใสราวกระจก สะท้อนเงาไม้โดยรอบ มีศาลาคู่กลางน้ำ ตามตำนานเล่าว่าสองพี่น้องตกหลุมรักชายคนเดียวกัน แต่ไม่อาจเลือกหรือทำให้อีกฝ่ายเสียใจ จึงจบชีวิตด้วยการกระโดดลงทะเลสาบพร้อมกัน (ไม่ต้องกลัวนะ เราจะไม่เจอ 2 พี่น้องตามต้นไม้แน่นอน)🍃✨
และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของวัน... SAKURAAAA! 🌸✨ แม้จะมาถึงเร็วไปหน่อย เพราะ Alishan Cherry Blossom Festival เพิ่งเริ่ม แต่ดอกซากุระก็เริ่มบานให้เราได้เห็นบ้างแล้ว! ดอกไม้สีชมพูอ่อนตามทางเดิน กิ่งไม้โบกไปมาตามแรงลม คนไม่เยอะมาก โรแมนติกสุดๆ! 💖
หลังจากเที่ยว Alishan จนเต็มอิ่ม ก็ได้เวลาไปต่อรถไฟ HSR (High-Speed Rail) จาก Chiayi Station กลับ Taipei ระยะทางกว่า 260 กม. แต่ใช้เวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง! มีใครให้เร็วกว่านี้อีกไหม 😂 มาถึงให้ยื่น Passport แลกตั๋วที่เคาน์เตอร์ ก็พร้อมเดินทาง (แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะที่นั่งเต็มไวมาก เราจองผ่าน Klook มาตกคนละ 922 บาท เท่านั้น!) รถไฟเร็ว แรง แต่เงียบกริบ ที่นั่งกว้าง leg room เหลือๆ แอร์เย็นกำลังดี กระเป๋าเดินทางใบใหญ่มีที่เก็บด้านหน้าขบวน มีรถเข็นบริการขายน้ำและขนมอยู่เป็นช่วงๆ วิวสองข้างทางน่าจะสวยมากนะ แต่เราเดินทางรอบดึกมองอะไรไม่เห็นเลยจ้า แอบเสียดายอยู่นิดหน่อย 😭
วันนี้ตื่นเช้ามา ฝนฉ่ำโปรยต้อนรับเลย😭 แต่เราจะไม่อ่อม แวะซื้อร่มข้างทาง ลุยกันต่อที่ “พิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว” Beitou Hot Spring Museum! (ชมฟรีไม่เสียค่าเข้า ดีต่อเป๋าตังมาก) ก่อนเข้าจะต้องเปลี่ยนรองเท้าด้วย เป็นธรรมเนียมที่ กุ๊กกิ๊ก น่ารักมาก… ที่นี่เป็นอาคารสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุค เคยเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะสุดหรูตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน นิทรรศการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของ Beitou ได้ฟีลอบอุ่นแบบย้อนยุค ใครสายประวัติศาสตร์ มีจุดกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ให้เราได้ถ่ายรูปด้วย ห้ามพลาด!
เดินถัดขึ้นที่ Thermal Valley จุดชมบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติจากภูเขาไฟ อุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส! ความร้อนจากน้ำที่เดือดคละคลุ้งกับไอน้ำ ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา กลิ่นกำมะถันลอยตามอากาศเบาๆ ไอน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นระยะ ท่ามกลางทิวทัศน์ป่าและอาคาร เข้ากันได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักธรรมชาติ 🎋💧
ใกล้ๆ กันเป็น Puji Temple วัดเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ก่อนจะไปแช่เท้ากันที่ ♨️ Long Nice Hot Spring ที่นี่มีบริการบ่อน้ำร้อนให้แช่ตัว หรือจะเลือกแค่แช่เท้าก็ได้ บริการเป็นรอบๆ รอบละ 40 นาที (ราคาตกคนละ 100NT ราคานี้แถมเครื่องดื่มให้ด้วยนะ) คุ้มมากต้องมาให้ได้ ฟิน สบายสุดๆ
หลังจากเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ก็ไม่พลาดที่จะแวะ “วัดหลงซาน” Longshan Temple วัดเก่าแก่สมัยราชวงศ์ชิง ที่นี่คึกคักมาก แม้ว่าตอนที่มาถึงจะหัวค่ำแล้วก็ตาม รอบวัดเต็มไปโคมประดับ แสงสีและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ก่อนจะปิดทริปวันนี้ ด้วยการกินของอร่อยที่ร้าน 蘆洲瑪吉酵素臭豆腐 แนะนำให้สั่งเมนู “เต้าหู้เหม็น!” กรอบนอกนุ่มในรสชาติอร่อยมากๆ เจ้าของร้านน่ารักและเป็นกันเอง พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยก็แนะนำวิธีการกินอย่างละเอียด แม้จะมีคิวยาวแต่ก็คุ้มค่าที่รอแน่นอน! 😋
ตะลุยกันมาจนถึงวันสุดท้าย ตื่นเช้ามา Check-out โรงแรม แล้วมาฝากกระเป๋าเดินทางไว้ แถว Taipei Main Station เรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าไป “สถานีรุ่ยฟาง” Ruifang Station สถานีที่คึกคักและเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการเดินทางไปเที่ยว Jiufen และสถานที่ใกล้เคียง บรรยากาศที่นี่มีเสน่ห์แบบเมืองมินิมอล น่ารัก
หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ “แหลมปี๋โถวเจี่ยว” (Bitou Cape Park) ซึ่งเป็นเส้นทาง เดิน Trail ระยะสั้น เดินพอเหงื่อซึมได้ สองข้างทางเต็มไปด้วยวิวทะเลเย็นๆ และบนยอดเขาลมแรงจนตัวแทบปลิว แต่ก็กลับมาได้ เก็บภาพมุมสูงของทะเลกว้างจนมือชาพอแล้ว ก็ถึงแก่เวลามุ่งหน้าไปสนามบิน เตรียมตัวบินกลับไทยอย่างสบายใจ ปิดจบทริปนี้ทั้งสนุก เต็มไปด้วยประสบการณ์ดีๆ ที่น่าจดจำ แม้ปวดตุ้มเล็กน้อยแต่ก็ยังไหว! ไว้พบกันใหม่ในทริปหน้านะ ✈
ทริปนี้เที่ยวกันแบบจัดเต็ม 4 วัน ตั้งแต่ลงใต้ชมหน้าผา และมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ Kenting ขับรถขึ้นเขาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ Alishan ไปจนถึงเดิน Trail ชิลๆ รับลมหนาว ที่ Bitou Cape Park แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน AIS SIM2Fly ก็เอาอยู่! สัญญาณดีไม่มีดรอป ลมแรง คลื่นสูงแค่ไหน เน็ตก็ยังไว โหลดเร็ว VDO Call กลับบ้านไม่มีสะดุด ส่งงานกลับไทยก็ลื่นปื๊ดดด!! เราไปเที่ยว 4 วัน เน็ตยังเหลือ มีใช้เปิดดู Map และฟังเพลงระหว่างเดินทางบ้าง พอถึงที่พักก็สลับใช้ Wifi ของโรงแรมเอาจ้าาา save cost ได้อีก
เราใช้ SIM2Fly เอเชีย&ออสเตรเลีย ในราคา 399.- กดได้ที่เว็บ AIS
📌 ใช้งานได้ 10 วัน ให้เน็ต Max Speed 6GB ใช้หมดแล้ว ความเร็วจะเป็น 128 kbps ใช้ต่อได้เลย
📌 สั่งซื้อจากเว็บ AIS ส่งฟรีถึงบ้าน! แถมถ้ามือถือรองรับ esim ละก็ กดซื้อ SIM2Fly เลือกแบบ esim ผ่านเว็บได้เช่นกัน กดเพิ่มยืนยัน esim scan QR ได้เลยด้วย สะดวกสบายมาก
📢 ใครกำลังแพลนไปไต้หวัน แนะนำเลย! SIM2Fly คือไอเท็มที่ต้องมี!!
สรุป ทริปไต้หวัน (4 วัน 3 คืน)
ครบทุกอารมณ์ ทั้งทะเล ภูเขา เมือง วัด และอาหารอร่อยๆ 🏕️🌸🚇 ไม่ต้องเสียเวลาหาสัญญาณเน็ต เพราะมี AIS SIM2Fly คอยซัพพอร์ตตลอดทริป เที่ยวได้แบบไร้กังวล ใครอยากเที่ยวตามแพลนนี้ แนะนำให้จองตั๋วบินไปช่วงกลาง มีนาคม-เมษายน เพื่อไม่พลาด “ซากุระสวยๆ” และอย่าลืมจัด SIM2Fly ติดตัวไว้ จะได้ไม่พลาดโมเมนต์สำคัญในทริป 💚
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ไปกัน 3 คน (ต่อคน)
#เที่ยวไต้หวัน #แบ็คแพ็ค #ซากุระไต้หวัน #AIS_SIM2FLY #ซิมต่างประเทศ #AISroaming
Credit by jwp.zleapi, archirayaya, abhintra
© 2024 Advanced Info Service PLC. All rights reserved.