“ทุกคอนเทนต์ คือ การตลาด” คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงนัก เพราะในปัจจุบันการทำการตลาดออนไลน์ หรือขายของออนไลน์จำเป็นต้องสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาเพื่อให้แบรนด์หรือสินค้าเป็นที่รู้จัก และน่าสนใจ เมื่อคอนเทนต์จูงใจให้คนเข้ามาชมแล้วย่อมตามมาด้วยยอดการสั่งซื้อเพื่อสร้างรายได้ให้กับแบรนด์
คอนเทนต์ (Content) คือ ข้อมูลหรือเนื้อหาที่มาในรูปแบบของข้อความ, รูปภาพ, เสียง และวิดีโอ ในหลากหลายแพลตฟอร์ม อาทิ Website, Facebook, Instagram, Twitter, TikTok และ YouTube เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแบรนด์สินค้าของคุณ แต่เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งหัวสมองมักเริ่มตัน คิดคอนเทนต์ไม่ออก วิธีแรกของการแก้ปัญหานี้ คือ “การวางแพลนคอนเทนต์” ในแต่ละเดือนให้ดี อาจทำเป็นตารางหรือปฏิทินในแต่ละวันว่าจะมีการลงคอนเทนต์อะไรบ้างจะได้เห็นภาพ และแนวทางมากขึ้น ส่วนวิธีแก้ต่อมาคือการ “หาไอเดียใหม่ ๆ” มาต่อยอด
วันนี้เราได้นำ 7 ไอเดียสำหรับสร้างคอนเทนต์ ไม่ให้ไอเดียคุณตันจนเพจต้องหยุดนิ่ง เพื่อนำไปสู่การซื้อขายมาฝาก บอกเลยว่าทำแล้วคอนเทนต์ลื่นไหลเพจไม่มีหยุดชะงัก
1. เรื่องดีเกี่ยวกับแบรนด์ขนมาเล่าให้หมด
ขั้นแรกต้องลิสต์ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับแบรนด์ออกมาให้ได้มากที่สุด อาทิ แรงบันดาลใจในการทำแบรนด์, จุดเริ่มต้นการทำแบรนด์, อุปสรรคการทำแบรนด์, ข้อดีของการทำแบรนด์, ความหลากหลายของสินค้า, คุณสมบัติของสินค้า, จุดเด่นของสินค้า, ข้อแตกต่างของสินค้ากับแบรนด์อื่น และบริการหลังการขาย เมื่อลองลิสต์ดูแล้วจะค้นพบว่าเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้สามารถหยิบยกมาทำคอนเทนต์ได้หมด ผ่านการนำเสนอหลากหลายรูปแบบ เป็นได้ทั้งคอนเทนต์แนะนำแบรนด์แบบเนียน ๆ หรือ Tie-in สินค้าแบบให้รู้ว่าขายแต่มีอะไรสะดุดตาที่ทำให้ลูกค้าต้องหยุดดูและซื้อ
2. นำปัญหาของลูกค้ามาต่อยอดเป็นไอเดียแก้ปัญหา
ปัญหาในที่นี้ไม่ใช่การด่าหรือต่อว่า แต่เป็นการนำข้อสงสัยหรือคำถามของลูกค้ามาทำเป็นคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นคำถามจาก Inbox หรือการคอมเมนต์ใต้โพสต์คอนเทนต์ สามารถเก็บรวบรวมคำถาม และปัญหาเหล่านี้ไว้ อาจนำมาสรุปเป็นหัวข้อใหญ่ก่อนแล้วค่อยนำมาขยายประเด็นได้อีก เช่น ขายสินค้าอาหารเสริมวิตามินซีผิวขาวสารสกัดจากส้ม มีลูกค้าคอมเมนต์ใต้โพสต์ว่า “สารสกัดอะไรจากส้มที่ทำให้ขาว” ก็สามารถนำคอมเมนต์นี้มาต่อยอดทำคอนเทนต์อธิบายสารสกัดของผลิตภัณฑ์ได้ และหากผลิตภัณฑ์มีสารสกัดหลากหลายก็ยิ่งนำคอนเทนต์สารสกัดมาแตกประเด็น และทำคอนเทนต์เพิ่มได้อีก
3. รีวิวดี ๆ ต้องมีรีโพสต์ นำรีวิวลูกค้ามาสร้างคอนเทนต์
มีปัญหา มีคำถามแล้ว ก็ต้องมีรีวิว หากร้านค้าของคุณเปิดขายหลากหลายแพลตฟอร์ม และทุกแพลตฟอร์มก็มีช่องให้ลูกค้าคอมเมนต์รีวิว รวมถึงรีวิวจาก Inbox คุณสามารถนำคำรีวิวเหล่านั้นมาทำคอนเทนต์เพิ่มได้ จะช่วยให้สินค้าของคุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้นจากคำการันตีของผู้ใช้จริง ช่วยเพิ่มน้ำหนักในใจให้กับลูกค้าใหม่มั่นใจว่าสินค้าของคุณนั้นมีดี ดังนั้นการทำคอนเทนต์รีวิวยิ่งทำยิ่งได้ คุณอาจจะรวบรวมรีวิวเหล่านั้นแล้วนำมาจัดหมวดหมู่ว่าลูกค้ารีวิวเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นก็นำมาทำภาพกราฟิกให้สวยงามดูน่าสนใจ อาจจะสอดแทรกรูปภาพสินค้าเข้าไปในงานแบนเนอร์คอนเทนต์นั้นสักหน่อย เพื่อให้ลูกค้าใหม่ได้เห็นภาพสินค้ามากยิ่งขึ้น และอย่าลืมปิดบังข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของลูกค้าเอาไว้ด้วย
4. จับไวรัล สิ่งไหนเป็นกระแส (ดี) นำมาสร้างคอนเทนต์กับสินค้า
กระแสดีเป็นไวรัลต้องรีบตาม แต่ดูให้ชัวร์ก่อนใช้ว่ากระแสนั้นช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูดีขึ้นหรือขัดกับภาพลักษณ์แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นกระแสจากเพลง, ซีรีส์ หรือข่าว ก็สามารถนำมาทำคอนเทนต์ควบคู่ไปกับการขายสินค้าของแบรนด์ได้ จะยิ่งทำให้เพจของคุณดูเคลื่อนไหวแบบ Active มาก ๆ แต่กระแสไวรัลที่เลือกใช้ต้องไม่ฉุดให้ภาพลักษณ์แบรนด์เสียหาย เพราะจากที่จะได้รับคำชมจะกลายเป็นได้รับคำติในกระแสลบแทน
5. มองหาไอเดียจากเพจเพื่อนบ้านที่มีลักษณะสินค้าใกล้เคียงกับแบรนด์
เมื่อรู้สึกว่าเริ่มตามเทรนด์ ตามกระแสไม่ไหวแนะนำให้ลองเข้าไปดูสินค้าของเพจเพื่อนบ้านที่มีลักษณะสินค้าใกล้เคียงกับแบรนด์ของคุณว่าตอนนี้ทำคอนเทนต์อะไรบ้าง มีอะไรใหม่ ๆ ที่คุณกำลังพลาดไปหรือเปล่า และคอนเทนต์เป็นไปในลักษณะไหน ทำแบบไหนลูกค้าถึงกดไลก์ กดแชร์มากขึ้น แต่ควรดูแล้วนำมาต่อยอดให้เป็นไอเดียได้คิดตามมากกว่าดูแล้วจดจำนำมาใช้ เพราะจะถือเป็นการ Copy ผลงานและอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในระยะยาวได้
6. สืบเสาะหาไอเดียจากกลุ่มต่าง ๆ บน Facebook
การเข้าร่วมกลุ่มต่าง ๆ ใน Facebook ช่วยให้คุณมีไอเดียมากขึ้นได้ อีกทั้งหากเข้าถูกกลุ่มก็ยังจะได้ตามเทรนด์ไปในตัวได้รู้ว่าตอนนี้สินค้าอะไรกำลังมา เทรนด์ไหนกำลังฮิต ลูกค้ากำลังต้องการหรือมองหาสินค้าแบบไหนอยู่ แล้วเข้ากับสินค้าที่มีอยู่ในมือหรือไม่ เช่น ขายสินค้าหม้อทอด อาจลองเข้ากลุ่มไอเดียทำอาหารจากหม้อทอด มองหาไอเดียทำอาหารที่แปลกใหม่แล้วนำมาต่อยอดเป็นคอนเทนต์แนะนำเมนูการทำอาหารได้อีกมากมาย หรือแม้แต่สินค้าชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์ก็มีกลุ่มสำหรับรีวิวรถในแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น หากคุณเป็นเซลล์ขายรถหรือเจ้าของเต็นท์รถที่ต้องทำคอนเทนต์ส่งเสริมการขายก็สามารถไปหาไอเดียจากการรีวิวในกลุ่มนั้นได้ และหยิบยกเรื่องราว ปัญหาที่ผู้ใช้จริงพบเจอนำมาทำคอนเทนต์ขยายความได้อีกเยอะ
7. คอนเทนต์เก่าเล่าใหม่ แตกต่างที่เหมือนเดิม
วิธีสุดท้ายตัวช่วยสำหรับคนทำคอนเทนต์ที่ทำมาทั้งหมด 6 ไอเดียด้านบนแล้ว แต่ก็ยังสมองตันอยู่ แนะนำให้ใช้วิธีการหยิบคอนเทนต์เก่า ๆ มาเล่าใหม่โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบของชิ้นงานให้ดูเหมือนใหม่ แต่ใจความตามเดิม เพิ่มเติมเกร็ดความรู้ใหม่ ๆ อีกนิดก็เป็นอีกทางเลือกการสร้างคอนเทนต์ที่ดี อย่างเช่น คอนเทนต์เดิมเป็นรูปภาพแบนเนอร์ก็สามารถนำมาเล่าใหม่ได้อีกหลายแบบ ทั้งปรับภาพแบนเนอร์ใหม่, เปลี่ยน Headline ให้น่าสนใจขึ้น และเปลี่ยนแคปชั่นให้ดูน่าอ่านมากขึ้น หรือจะเปลี่ยนรูปแบบใหม่นำเรื่องเดิมมาเล่าในแบบวิดีโอก็ทำได้ เพราะไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่ติดตามเพจจะเห็นทุกคอนเทนต์ของแบรนด์คุณ การนำคอนเทนต์เก่ามาเล่าใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างจึงไม่ใช่เรื่องผิด ทั้งยังเป็นข้อดีที่จะทำให้ลูกค้าได้เห็นโพสต์ที่คุณตั้งใจจะสื่อเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มไหนก็ตามการมีคอนเทนต์ประกอบจะทำให้ร้านค้าของคุณเป็นที่สนใจ และดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ความสม่ำเสมอและการวางแพลนคอนเทนต์ในการโพสต์ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะช่วยให้คุณรู้ว่ามีคอนเทนต์อะไรบ้างที่ลงไปแล้วยังขาดคอนเทนต์แบบไหนที่ยังไม่ได้ลงอีก และหากถึงวันที่คิดไม่ออกขอแนะนำว่าอย่าทำให้เพจหยุดนิ่งนานเกินไป อาจทำให้ลูกค้าที่เข้ามาชมร้านค้าของคุณเกิดเปลี่ยนใจไม่ซื้อด้วยคิดว่าเพจร้างไปแล้ว ดังนั้นหวังว่าทั้ง 7ไอเดียสร้าง Content ที่นำเสนอไปจะช่วยให้คุณมีไอเดียต่อยอดและนำมาใช้สร้างคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น
วันที่เผยแพร่ 31 สิงหาคม 2565
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business