AIS ยังคงเดินหน้าวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีหรือ Digital Infrastructure โดยเฉพาะการนำโครงข่ายอัจฉริยะ 5G มาเสริมศักยภาพให้กับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า สร้างศูนย์กลางนวัตกรรมและการทดสอบเทคโนโลยี 5G แห่งแรกในประเทศไทย AIS 5G NEXTGen Center ที่ Thailand Digital Valley บนพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมถึงเปิดตัว AIS Paragon Platform สำหรับการพัฒนา 5G Use Cases แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้ขยายผลการดำเนินงานผสานความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก ทั้ง Singtel, NCS และ Siemens เพื่อนำเอาโซลูชันและบริการใหม่ๆ มาต่อยอดสู่การทรานส์ฟอร์มองค์กรทั้งภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐในอนาคตผ่านแนวคิด AIS 5G NEXTGen for Business โดยประกาศขึ้นภายในงาน Thailand 5G Summit 2022 หรืองานแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยี 5G ระดับประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างความสมบูรณ์ของ 5G Ecosystem ให้กับภาคธุรกิจไทยในอนาคต
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “วันนี้ AIS ยังคงเดินหน้าวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะในด้านการทำงานกับภาคธุรกิจเพื่อให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถทรานสฟอร์มองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเครื่องมือด้านดิจิทัลที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยศักยภาพของ AIS เป้าหมายในปีนี้เราพร้อมนำเอาโครงข่าย 5G ที่เราได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเข้ามาทำงานกับภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม กลุ่มผู้ประกอบการ และภาครัฐ โดยหนึ่งในนั้นคือการทำงานร่วมกับ ดีป้า พัฒนา AIS 5G NEXTGen Center บนพื้นที่ EEC โดยเราได้นำเอาศักยภาพ 5G ที่ครอบคลุมแล้ว 100% มาเปิดโอกาสให้กลุ่มองค์กรธุรกิจเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการใช้ 5G ทั้งในแง่ของการเป็นศูนย์เรียนรู้ การทดสอบทดลอง สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ตลอดจนการร่วมพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการสร้าง 5G Ecosystem ให้เกิดความสมบูรณ์
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ดีป้า มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรเทคโนโลยี 5G ขึ้นในประเทศไทย (Thailand 5G Alliance) ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ใชใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและเป็นแนวทางในการนำนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาต่อยอดประยุกต์ใช้จริง ส่งผลดีต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในการดำเนินงานที่สำคัญคือ การพัฒนาโครงการ Thailand Digital Valley ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
“ภายใน Thailand Digital Valley จะมีอาคาร TDV2 หรือ Digital Startup Knowledge Exchange Center พื้นที่กว่า 4,500 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล สร้างเครือข่ายที่พร้อมต่อยอดธุรกิจดิจิทัล รองรับการอยู่อาศัยของเหล่านักพัฒนาและดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยให้กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่รวบรวมบรรดาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ (Startup Community) ไว้มากที่สุดในประเทศ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว AIS ได้เข้ามาพัฒนา AIS 5G NEXTGen Center หรือศูนย์กลางนวัตกรรมและทดสอบ 5G เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่ม Digital Tech สามารถทดสอบใช้บริการเครือข่าย AIS 5G อันจะนำไปสู่การต่อยอดการสร้างธุรกิจดิจิทัล หรือโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต”
นายธนพงษ์ กล่าวต่อไปอีกว่า “AIS ในฐานะผู้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีหลักที่สำคัญต่อการบริหารจัดการยุคนี้ ประกอบด้วย โซลูชันคลาวด์ (Cloud) บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) บริการ IoT (Internet of Things) และบริการด้านไอซีทีโซลูชัน (ICT Solution) วันนี้เราได้เดินหน้าต่อยอดไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว 5G แพลตฟอร์ม และ MEC (Multi-access Edge Compute) แพลตฟอร์ม เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในชื่อ AIS Paragon Platform ซึ่งจะทำให้การใช้งาน 5G application ต่างๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้น, เร็วขึ้น, มีประสิทธิภาพและประหยัดกว่า เหมาะกับการใช้งาน 5G ที่ต้องการความหน่วงต่ำ, การตอบสนองรวดเร็ว, การเก็บรักษาข้อมูลภายในประเทศ, หรือโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานที่สำคัญยิ่งยวด
นายธนพงษ์ กล่าวต่อไปว่า “AIS Paragon Platform จะสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการทดสอบ 5G ที่ AIS NEXTGen Center เพื่อสนับสนุนการพัฒนา 5G solutions โดยลูกค้า รวมถึงการร่วมพัฒนากันระหว่าง AIS กับลูกค้าหรือพันธมิตรต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม”
นายธนพงษ์ เน้นว่า “AIS มีการขยายความร่วมมือ 5G กับพันธมิตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันส่งมอบ solution ต่างๆ ที่ครบวงจร ให้แก่ลูกค้าภาครัฐและธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม วันนี้ AIS ได้ประกาศความร่วมมือใหม่เพิ่มเติมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ได้แก่
“อย่างที่เคยเน้นย้ำมาโดยตลอด ในปีนี้เราพร้อมที่จะนำเอานำเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยให้สามารถทรานสฟอร์มองค์กรและมีเครื่องมือดิจิทัลที่พร้อมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ 5G มาร่วมขับเคลื่อน สร้าง 5G Ecosystem ให้เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจไทย ร่วมกันกับพันธมิตรจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อันจะนำไปสู่การการเสริมแกร่งให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน” นายธนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับท่านที่ต้องการข้อมูลจาก AIS Business เพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมขายที่ดูแลองค์กรของท่าน หรือเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ https://business.ais.co.th/5g/
วันที่เผยแพร่ 16 มิถุนายน 2565
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business