Multi Access Edge Computing (MEC​)

MEC ย่อมาจากชื่อเต็มที่เรียกว่า Multi-Access Edge Computing หรือมีความหมายโดยรวมคือ สถาปัตยกรรมที่มีการวางหน่วยประมวลผล หรือ Cloud Computing ไว้ที่ขอบเขตของการใช้งานเครือข่าย หรือเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ การนำระบบ Cloud Computing มาวางไว้ที่เสาสัญญาณหรือเน็ทเวิร์คของผู้ให้บริการเลยนั่นเอง

การที่มีหน่วยประมวลผลไว้ที่เครือข่ายก็เพื่อให้อยู่ใกล้กับผู้ใช้งานมากที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือลดความล่าช้าของการประมวลผล และรับส่งข้อมูล อันเนื่องมาจากระยะทาง และความแออัดของข้อมูลในระบบเครือข่าย โดยการประมวลผลข้อมูลและแอปพลิเคชันให้ใกล้กับจุดที่ข้อมูลถูกสร้างขึ้นมากที่สุด แทนที่การพึ่งพาการประมวลผลจากศูนย์กลางเช่น Public Cloud หรือ Centralized Data Center นั่นเอง

นอกจากนี้ยังสามารถเข้าใจลักษณะการใช้งาน MEC ได้มากยิ่งขึ้น โดยดูจากความหมายของ Multi-Access Edge Computing ดังนี้

Multi-Access

ระบบประมวลผลที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้หลายหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย LTE, 5G, Wifi หรือ Leased Line

Edge

การย้ายระบบประมวลผลมาไว้ที่ขอบเขตของเครือข่าย ซึ่งในเทคโนโลยีนี้คือการนำระบบประมวลผลมาไว้ที่เครือข่ายไร้สาย หรือ Cellular Network เพื่อให้อยู่ใกล้กับผู้ใช้งานมากที่สุด

Computing

ระบบประมวลผลที่รองรับการทำงาน หรือ Application ที่ต้องการการประมวลผล รวมไปถึง response ต่อผู้ใช้งานอย่างรวดเร็วแบบ real-time 

ความแตกต่างของการใช้งาน Public Cloud และ MEC

เพื่อให้เข้าใจความแตกต่างของการใช้งานระหว่าง Cloud ทั่วไปกับ MEC สามารถดูได้จากลักษณะการเชื่อมต่อดังภาพด้านล่าง

การใช้งาน Cloud ทั่วไป

จะเห็นได้ว่า เมื่อระบบหรือ Application ใช้งานอยู่บน Public Cloud ทั่วไป การส่งข้อมูลนอกจากการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่ใช้งานแล้ว ยังต้องผ่านระบบต่างๆของเครือข่ายไปจนถึงการออกอินเทอร์เน็ต แล้วถึงจะสามารถส่งข้อมูลไปยัง Public Cloud ที่ใช้งานได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความล่าช้า หรือ latency ที่เกิดขึ้น มีความล่าช้ามากกว่าการใช้งาน MEC การใช้งาน Cloud ทั่วไปจึงเหมาะกับระบบหรือApplication ที่ใช้สำหรับการเก็บข้อมูล หรือการประมวลผลที่ไม่จำเป็นการ response ต่อผู้ใช้งานแบบ real-time 

การใช้งาน MEC

ด้วยการวางสถาปัตยกรรมของการประมวลผลไว้ใกล้กับเครือข่าย หรือ network มากที่สุด ส่งผลให้ความล่าช้าของการรับ-ส่ง ข้อมูล (latency)นั้นเป็นเวลาสั้นมาก โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G จะส่งผลสามารถทำให้ latency ต่ำกว่า 20 ms ได้ การใช้งาน MEC นี้จึงเหมาะสมกับระบบ หรือ Application ที่ต้องการความหน่วงต่ำ การประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็ว รวมไปถึงความต้องการ response ต่อผู้ใช้งานแบบ real-time ได้เป็นอย่างดี 

ความแตกต่างของการใช้งาน
On Premise Server และ MEC

การวางหน่วยประมวลผลไว้ที่พื้นที่การใช้งานเอง เช่นการตั้ง on premise server ถึงแม้ว่าจะสามารถช่วยลดระยะเวลาของการประมวลผล หรือ รับส่งข้อมูลได้ แต่ก็มีความแตกต่างในหลายแง่มุม อาทิ

การลงทุน (Investment) : การใช้งานแบบ On-Premise Server จะทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลงทุนในเรื่องของ Hardware รวมไปถึง Software ด้วยตนเอง อีกทั้งยังจำเป็นต้องบริหารจัดการ และทำ maintenance ด้วยตนเองอีกด้วย ในขณะที่ค่าบริการการใช้งาน MEC จะคล้ายคลึงกับการจ่ายค่าบริการใช้งานคลาวด์ และไม่จำเป็นต้องทำการ maintenance ด้วยตนเอง

ความสามารถในการขยายขนาดของหน่วยประมวลผล (Scalability) : ถึงแม้ว่าการใช้งานแบบ On-Premise Server จะสามารถลด หรือ ขยายขนาดของการใช้งานตามความต้องการขององค์กรได้ก็จริง แต่ในกระบวนการทำงานจริงนั้นยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลา  ในขณะที่ MEC ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูงในปรับขนาดของการใช้งานหน่วยประมวลผล ซึ่งสามารถกำหนด การเพิ่มหรือลดนี้ได้จาก Software Platform เช่น AIS PARAGON Platform ช่วยให้สามารถปรับการใช้งานตามความต้องการใช้งานจริงได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว

ความปลอดภัย (Security) : การเก็บหรือประมวลผลข้อมูลไว้บน On-Premise Server หรือในพื้นที่ขององค์กรเอง ทำให้การดูแลข้อมูลนั้นมีความปลอดภัยระดับหนึ่ง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรนั้นๆ รวมไปถึงการทำ software update ของระบบที่ใช้ประมวลผลให้มีความทันสมัย ปลอดภัยต่อภัยทางไซเบอร์อยู่เสมอ ในขณะที่ระบบการประมวลผลแบบ MEC ก็มีความส่วนตัวสูงเช่นกันเนื่องจากอยู่ใกล้กับผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถออกแบบการเชื่อมต่อให้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ MEC เองถูกออกแบบอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย และมีการทำ software update ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อยู่เสมอจากผู้ให้บริการ จึงสามารถไว้วางใจในเรื่องของความปลอดภัยข้อมูลได้เป็นอย่างดี 

แพลตฟอร์มสำหรับการบริหารจัดการ Edge, MEC, Cloud รวมถึง Applications ต่างๆ ได้ในที่เดียว

ผู้ประกอบการที่ใช้งาน AIS MEC สามารถใช้งานผ่านแพลตฟอร์มเพื่อบริหารจัดการ เพิ่ม-ลด ขนาดของหน่วยประมวลผล  deploy applications รวมไปถึงในอนาคตสามารถบริหารจัดการเครือข่าย 5G ที่ใช้เชื่อมต่อ MEC ได้ผ่าน AIS PARAGON Platform อีกด้วย 

ตัวอย่าง Application ที่ใช้งานร่วมกับ MEC

AR/VR

เป็นแอปพลิเคชันที่ต้องการการประมวลผลข้อมูลแบบ real-time เพื่อสร้างประสบการณ์ทารใช้งานที่น่าตื่นเต้น การใช้ MEC จะช่วยลดความล่าช้าของการประมวลผลทำให้ประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันดีขึ้น

Autonomous Vehicle

การใช้งานยานพาหนะอัตโนมัติจะขึ้นอยู่กับการประมวลผลข้อมูลแบบ real-time เพื่อการตัดสินใจและนำทางอย่างปลอดภัย การใช้งาน MEC จะสามารถเพิ่มพลังการคำณวนที่จำเป็นสำหรับรถอัตโนมัติในการประมวลผลอย่างรวดเร็วและตอบสนองต่อเงื่อนไขของถนนหรือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้

Industrial Automation

ระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องการความหน่วงต่ำเพื่อควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ การใช้งาน MEC จะเพิ่มความสามารถด้านการตอบสนองของระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรมให้มีความไว และประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

Emergency Service

ระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน เป็นระบบที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วมากจากระบบ เพื่อที่จะสามารถแจ้งเตือน หรือแจ้งหตุได้ทันท่วงที MEC จะช่วยยกระดับความสามารถของการแจ้งเตือน ลดความล่าช้า และระยะทางของการส่งข้อมูลแจ้งเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีนัยยะสำคัญ 

ประโยชน์ของการใช้งาน MEC สำหรับภาคธุรกิจ

Ultra Low-Latency

การทำให้ระบบประมวลผลอยู่ใกล้กับผู้ใช้หรืออุปกรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้ลดระยะทางและเวลาในการรับส่งข้อมูลให้ได้ response ที่ near real-time มากที่สุด

Enterprise Grade Privacy & Security

เพิ่มความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของข้อมูล ด้วยการการออกแบบของสถาปัตยกรรม MEC ที่วางระบบประมวลผลไว้ที่เครือข่าย ทำให้ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลสำคัญผ่าน internet ไปยัง public cloud ทั่วไปโดยไม่จำเป็น 

Scalability

สถาปัตยกรรม MEC ช่วยให้สามารถปรับขนาดทรัพยากรตามความต้องการได้โดยอัตโนมัติ แอปพลิเคชันสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้ตามความจำเป็น ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงเวลาที่ใช้งานสูงสุดโดยไม่ต้องมีการให้ทรัพยากรมากเกินไป

Improve Reliability

การกระจายระบบประมวลผลไว้ที่ขอบเขตของเครือข่าย ช่วยให้เพิ่มความเสถียรของการทำงานได้มากยิ่งขึ้น โดยลดการพึ่งพาระบบประมวลผลกลางเพียงระบบเดียว (Centralize Cloud) 

Infrastructure for Future

MEC จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการสร้างประสบการณ์ด้านดิจิทัลให้เป็นไปได้ โดยการปลดล๊อคบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI, VDO Analytics หรือการสร้างการใช้งานด้าน industry 4.0

เรื่องราวความสำเร็จ และ เทคโนโลยี สร้างแรงบันดาลใจ

AIS 5G Solution: MEC

ระบบคลาวด์ให้เข้าใกล้ผู้ใช้งานมากที่สุด ช่วยให้สามารถใช้งานเครือข่ายด้วยการเข้าถึงแบบไร้สาย เพื่อให้บริการประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ได้ในปริมาณมากและมีความปลอดภัยสูงสุด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำโซลูชันที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ 

สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก AIS Business เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล 
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที