อัปเดตเมกะเทรนด์ เผยโฉมเทคโนโลยีที่จะพลิกโลกธุรกิจอุตสาหกรรมในอนาคต

              เราต่างทราบกันดีว่าโควิด 19 เป็นอุปสรรคที่ท้าทายอย่างมากสำหรับการปรับตัวเพื่ออยู่รอดของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ในความท้าทายนั้นก็เผยให้เราทุกคนได้เห็นว่าองค์กรธุรกิจที่สามารถยืนหยัดรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ นั่นเพราะพวกเขามองไปข้างหน้าและเลือกที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจของตนเองตั้งแต่ก่อนวิกฤตจะเกิดขึ้น พวกเขาเฝ้าติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและต่างเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีไอที จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพลิกโฉมโลกธุรกิจอุตสาหกรรมไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้หากเกิดวิกฤตขึ้น

              ดังนั้น นับจากตรงนี้เรามาอัปเดตกันดีกว่าว่า เทคโนโลยีใดที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นเมกะเทรนด์และสามารถเข้ามาพลิกโฉมโลกธุรกิจอุตสาหกรรมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อที่เราจะได้ปรับตัวและก้าวนำหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงก่อนผู้อื่น\

1. ซอฟต์แวร์ 2.0 กุญแจสำคัญสู่การ “ทำน้อยแต่ได้มาก”

              ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชันที่เราใช้งานกันในวันนี้ล้วนถูกสร้างขึ้นจากการเขียนโปรแกรมด้วยชุดภาษาทางคอมพิวเตอร์ โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันหนึ่ง ๆ นั้น อาจมีการโค้ดนับหมื่นนับแสนชุดคำสั่ง ยิ่งถ้าเป็นซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่หรือเป็นแพลตฟอร์มสำหรับให้ผู้คนใช้งานกันแบบสาธารณะ ก็ยิ่งจะมีโค้ดที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้การทำงานของซอฟต์แวร์หรือระบบแพลตฟอร์มสามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้งานได้ครบทุกมิติ

              แต่ใครจะรู้บ้างว่า ภายใต้ความสะดวกในการใช้งานของซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันเหล่านี้ เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยปัญหาความยุ่งยากในการปรับปรุงแก้ไขระบบ เพราะชุดคำสั่งที่มากมายและมีความซับซ้อนหลายชั้นทำให้เกิดอุปสรรคชิ้นใหญ่ในการแก้ไขจุดบกพร่องที่ผิดพลาด รวมไปถึงกลายมาเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ระบบต่าง ๆ ไม่สามารถพัฒนาไปต่อมากกว่านี้ได้ แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้น ช่วยให้ศักยภาพในการเขียนโปรแกรมมีความง่ายขึ้น จึงเริ่มมีการพัฒนาระบบการเขียนชุดคำสั่งใหม่ที่อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Low-Code” คือ การสร้างแพลตฟอร์มที่ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่มีการทำงานที่อัจฉริยะได้โดยใช้ชุดคำสั่งที่น้อยลงจากเดิม และระบบนี้ถูกเรียกว่า “ซอฟต์แวร์ 2.0” (Software 2.0)

              ในตอนนี้องค์กรภาคธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เริ่มมองเห็นช่องทางที่จะใช้ซอฟต์แวร์ 2.0 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยพบว่า แนวทางนี้สามารถเข้ามาช่วยขจัดอุปสรรคที่ซับซ้อนลดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาความผิดพลาดต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยขยายขีดความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ระบบซอฟต์แวร์ 2.0 จะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจอุตสาหกรรมในไม่กี่ปีข้างหน้านี้แน่นอน สำหรับกลุ่มธุรกิจแรก ๆ ที่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบนี้ได้เลยทันทีก็จะมีดังนี้

อัปเดตเมกะเทรนด์ เผยโฉมเทคโนโลยีที่จะพลิกโลกธุรกิจอุตสาหกรรมในอนาคต
  • ธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ - ซอฟต์แวร์ 2.0 จะถูกนำไปใช้กับโมเดลการพัฒนา AI สำหรับการขับเคลื่อนตัวรถ
  • ธุรกิจอุตสาหกรรมบันเทิง - ซอฟต์แวร์ 2.0 จะถูกนำไปใช้ในหลายลักษณะ ตั้งแต่การสร้างสรรค์ภาพและเสียงที่ดีมากขึ้น ไปจนกระทั่งถึงการนำมาใช้ในเชิงการเก็บข้อมูลผู้ชมความบันเทิง เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ที่ตรงใจให้กับผู้ชมมากกว่าเดิม
  • ธุรกิจทางด้านการเงิน - ซอฟต์แวร์ 2.0 จะช่วยทำให้การบริการทางการเงินเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะช่วยเรื่องดูแลความปลอดภัยในการทำธุรกรรมมากขึ้น

2.เทคโนโลยีชีวภาพจะมีอิทธิพลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

              อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเทคโนโลยีชีวภาพจะกลายเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่าที่เป็นอยู่หลายเท่า เพราะจะถูกเชื่อมโยงเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ที่จะมีทั้ง Edge Computing ที่จะเข้ามาช่วยลดข้อจำกัดในการประมวลผลข้อมูลบน Cloud ทำให้การเชื่อมโยงข้อมูลเป็นไปแบบเรียลไทม์ เปลี่ยนแปลงสนองตอบผู้บริโภคได้ดีขึ้น มีทั้ง Quantum Computing ระบบการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้น มีความสามารถมากขึ้น ทำให้ AI มีความเก่งขึ้น รวมไปถึงวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ก้าวหน้ามากขึ้น เมื่อสิ่งเหล่านี้หลอมรวมเข้าหากัน ก็จะนำไปสู่การปฏิวัติเทคโนโลยีชีวภาพครั้งใหม่

              เทคโนโลยีชีวภาพจะถูกยกระดับทำให้เราเข้าใจเรื่องชีวโมเลกุลในมิติที่ซับซ้อนได้มากกว่าที่ผ่านมา จากตรงนี้จะทำให้นักวิจัยรู้วิธีที่จะปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตของเราได้หลากหลายมิติมากขึ้น สำหรับภาคธุรกิจ องค์กรกลุ่ม Enterprise รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะได้ประโยชน์จากเทรนด์เทคโนโลยีนี้ได้แก่

  • ธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภค – ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและเวชสำอางในรูปแบบต่าง ๆ จะสามารถสกัดเอาสาระสำคัญที่มีอยู่ในธรรมชาติออกมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ทำให้สามารถผลิตสินค้าที่ปลอดภัยและให้ประโยชน์กับผู้บริโภคอย่างแท้จริงได้ โดยที่ใช้ต้นทุนน้อยลงกว่าแต่ก่อน
  • ธุรกิจและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอาหารและยา – เทรนด์เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การวิจัยเรื่องของการตัดต่อยีนพันธุกรรมต่าง ๆ ทำได้ละเอียดแม่นยำมากขึ้น และนั่นจะช่วยให้ภาคเกษตรสามารถปลูกพืชพันธุ์หรือขยายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ ที่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้โลกได้มากขึ้น รวมไปถึงการรักษาโรค ก็จะมีแนวทางใหม่ในการรักษาโรคต่าง ๆ ที่ยังรักษาไม่ได้มากขึ้น

3.โครงสร้างสถาปัตยกรรมไอทีที่น่าเชื่อถือกลายเป็นหัวใจของทุกสิ่ง

              เทคโนโลยีที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง 2 ข้อ จะไม่ได้รับความนิยมเลย หากทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นบนความไม่ปลอดภัย มีช่องโหว่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาโจรกรรมหรือปล่อยภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ อย่างที่เราทราบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไอทีไม่ได้นำมาซึ่งประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ที่เราเห็นกันเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งภัยอันตรายทางไซเบอร์ที่น่ากลัวมากขึ้นด้วย มีรายงานว่าในปี 2019 ที่ผ่านมา เพียงหนึ่งปีมีการโจมตีทางไซเบอร์เป็นภัยในโลกออนไลน์เกิดขึ้นไปแล้วกว่า 8.5 พันล้านครั้ง ด้วยเหตุนี้องค์กรกลุ่ม Enterprise จึงมุ่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับเรื่องของการวางโครงสร้างระบบไอทีขององค์กร เพราะหากองค์กรมีระบบโครงสร้างระบบไอทีที่ทันสมัย ได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ มีระบบการตรวจสอบความน่าเชื่อถืออุปกรณ์ที่จะทำการเชื่อมต่ออย่างละเอียด ก็จะทำให้ระบบมีความแข็งแกร่ง สามารถใช้งานบนเครือข่ายขององค์กรได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์

              นอกจากการให้ความสำคัญกับการวางโครงสร้างระบบไอทีภายในองค์กรให้ถูกต้องแล้ว องค์กรขนาดใหญ่ยังมีแนวโน้มที่มุ่งความสนใจไปในเรื่องของการเลือกใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมไอทีที่น่าเชื่อถือด้วย เห็นได้จากแนวคิดการเก็บและบันทึกข้อมูลแบบกระจายฐานข้อมูล (Distributed Ledger Technology : DLT) เริ่มเข้าไปสู่องค์กรขนาดใหญ่ ระบบฐานข้อมูลแบบนี้จะเป็นการแบ่งปันข้อมูลที่มีการเข้ารหัสไว้ในเครือข่ายจึงมีความปลอดภัยสูง ในวันนี้หลายองค์กรเริ่มมีการนำระบบเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีพื้นฐานการทำงานแบบ DLT เข้ามาใช้ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจระหว่างกันโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงและเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นภายในไม่กี่ปีข้างหน้า กลุ่มองค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานกลุ่มแรก ๆ ที่จะได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากเทรนด์เทคโนโลยีนี้ก็ได้แก่

อัปเดตเมกะเทรนด์ เผยโฉมเทคโนโลยีที่จะพลิกโลกธุรกิจอุตสาหกรรมในอนาคต
  • กลุ่มธุรกิจการเงินและการลงทุน - การทำธุรกรรมทางการเงินจะปลอดภัยมากขึ้น กระบวนการตรวจสอบที่มาทางการเงินจะทำได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ทองคำและสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ก็จะมีระบบที่รัดกุมมากขึ้นในการซื้อขายสินทรัพย์ ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น
  • กลุ่มธุรกิจค้าปลีก - กลุ่มธุรกิจนี้จะมีการจัดเจ็บข้อมูลสำคัญของลูกค้าเอาไว้ อย่างข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้า การเติบโตของเทคโนโลยีในด้านนี้จะเข้ามาช่วยป้องกันข้อมูลของลูกค้าในส่วนนี้ให้เกิดความแน่นหนามากขึ้น ช่วยป้องกันการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้า รวมไปถึงยังช่วยลดต้นทุนองค์กรในเรื่องการถ่ายโอนข้อมูลลูกค้าในส่วนนี้ไปยังสาขาในแต่ละสาขาได้ด้วย
  • กลุ่มธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ – การเก็บข้อมูลเรื่องสุขภาพ แผนที่ทางพันธุกรรมที่เป็นข้อมูลขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ทางแพทย์และโรงพยาบาลจะต้องเก็บไว้เป็นความลับ จะมีปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเทคโนโลยีถูกใช้อย่างแพร่หลาย

              เหล่านี้คือโฉมหน้าของเทคโนโลยีไอทีที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นเมกะเทรนด์ และมีอิทธิพลต่อภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในอีกไม่ช้านี้ เมื่อเราเห็นภาพแล้วว่าอนาคตข้างหน้าเทคโนโลยีความก้าวหน้าทางด้านไอทีจะพลิกโลกได้อย่างไร ก็คงถึงเวลาที่เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่า นับจากนี้เราจะก้าวต่อไปอย่างไร เราจะอยู่ในฐานะผู้นำคนแรก ๆ ที่ก้าวเข้าไปสู่สิ่งใหม่ที่กำลังจะมา หรือจะขออยู่ตรงนี้ในฐานะผู้ตามเพื่อติดตามสถานการณ์ไปก่อน โอกาสเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ จึงต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วหรือยัง

              หากคุณพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรให้พร้อมสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลแบบเต็มตัว และกำลังวางแผนที่จะวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสำหรับองค์กรใหม่ เพื่อองค์กรให้มีความพร้อมในรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า AIS Business ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ลูกค้าองค์กร และ CSL ผู้ให้บริการชั้นนำด้าน ICT Service แบบครบวงจร ยินดีที่จะให้คำปรึกษาและพร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยให้กับทุกองค์กรเสมอ

วันที่เผยแพร่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำโซลูชันที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ 

สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก AIS Business เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล 
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที