ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นที่จับตามองท่ามกลางกระแสการเติบโตอย่างเต็มที่ของเทคโนโลยี ว่าในปี 2567 เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในธรุกิจกลุ่มนี้อย่างไร เพราะเมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนตาม ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่อาจใช้แผนการเดิมเพื่อดึงดูดผู้บริโภคได้อีกต่อไป ความจำเป็นเร่งด่วนในเวลานี้ คือ การเร่งหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อรองรับพฤติกรรมและความต้องการซื้อของลูกค้า
ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคนั้นสามารถสร้างสรรค์ได้ด้วยเทคโนโลยีที่กลายเป็นทุกสิ่งในโลกปัจจุบัน และถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกิดเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการทุกคนก็สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคได้
ไอเดียการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องนำทาง
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะเจริญเติบโตและก้าวหน้ามานานแล้วในประเทศไทย แต่เราต้องยอมรับว่า ในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพื้นที่ และอาคารเชิงพาณิชย์เพื่อธุรกิจ ค่อนข้างเปิดรับและลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนกระบวนการกันช้า เพราะมีจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวนไม่น้อย ที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้ามากขึ้นกว่าเดิม ลองมาศึกษาแนวทางสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พื้นที่ และอาคารเชิงพาณิชย์เพื่อธุรกิจ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มผู้ลูกค้า เพื่อนำไปประยุกต์ใช้พร้อมกัน
ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับช่วยควบคุมการเชื่อมต่อของเครื่องใช้ไฟฟ้า, แอปพลิเคชันที่สามารถแจ้งช่างซ่อมบำรุงได้เมื่อเกิดเหตุขัดข้อง, แอปพลิเคชันด้านความปลอดภัย และการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์เพื่อแจ้งเตือนยามฉุกเฉิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยสำหรับการซื้อ ขาย หรือปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ด้วย ที่ช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความกระชับฉับไว ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็จะได้รับประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการที่ครบครบครัน เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการซื้อประสบการณ์ที่มีการให้บริการที่ดี มากกว่าการเริ่มต้นด้วยการพิจารณาผลิตภัณฑ์
สำรวจเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในวงการอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567
หากหลายคนยังจำได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราค่อนข้างฮือฮากับเทคโนโลยี Home Automation ในโครงการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่หรือในอาคารอัจฉริยะกันมาก และเมื่อผ่านจุดนั้นมาไม่นาน บุคคลทั่วไปก็สามารถหาซื้อเซนเซอร์ที่เชื่อมต่อระบบ IoT เองได้ ทำให้สามารถสร้างระบบ Home Automation ฉบับทำเองได้ ทั้งระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน ระบบไฟฟ้าอัตโนมัติ และระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้รู้ว่า เทคโนโลยีเติบโตเร็วมากเพียงใด
และจากนั้นมาเพียงไม่กี่ปี เทคโนโลยีการสื่อสาร 5G ก็เข้ามาสู่ประเทศไทย เปรียบเสมือนดังขุมพลังที่สนับสนุนให้เทคโนโลยีอื่น ๆ เติบโตอย่างฉุดไม่อยู่ และก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์มากนัก เพราะบริษัทที่เข้ามาหยิบเอาเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจก็คือ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับแถวหน้าของเมืองไทย ทั้งการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย และระบบอำนวยความสะดวก หรือแม้แต่การสร้างโรงงานเพื่อผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) สูตรเฉพาะของแบรนด์ ที่ควบคุมกระบวนการผลิตทั้งหมดจากแขนหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยี AI ทำงานร่วมกับระบบ IoT ผ่านสัญญาณการสื่อสาร 5G เพื่อควบคุมคุณภาพของแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปให้ได้มาตรฐานตามต้องการ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น ระบบอัจฉริยะยังช่วยคำนวณสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมของคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่อการนำไปประกอบสร้างเป็นสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามสภาพพื้นผิวของแต่ละทำเลที่มีความแตกต่างกันด้วย
จากที่กล่าวมานี้เป็นเพียงการแข่งขันกันเบื้องต้นเท่านั้น เพราะสนามจริงจะอยู่ที่ปี 2567 เป็นต้นไป ช่วงเวลานั้นจะเป็นตัวตัดสินว่า สัดส่วนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ใครจะเป็นผู้ครอบครองพื้นที่และสร้างยอดขายได้มากที่สุด และถ้าถามว่าในเมื่อเราสามารถติดตั้งระบบเซนเซอร์อัตโนมัติเพื่ออำนวยความสะดวกเองได้ แล้วในปีนี้วงการอสังหาริมทรัพย์จะเอาอะไรมาแข่งกัน เราไปสำรวจกันเลยว่าในปีนี้จะมีความท้าทายใหม่อะไร ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะนำมาแข่งกัน
1. เทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 เทคโนโลยี AI จะก้าวหน้ามากขึ้นไปอีก สำหรับการใช้งานด้านการประมวลผลบนฐานข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อัจฉริยะใหม่ ๆ ที่จะถูกนำมาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยในในปีนี้เราจะได้เห็นบทบาทของ AI ในการทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับเทรนด์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เทรนด์ที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำเลที่ตั้ง สภาพคล่องทางการเงิน อายุ และหน้าที่การงาน อันเป็นข้อมูลที่มีค่า ที่นำไปสู่การพัฒนารูปแบบที่อยู่อาศัย อาคารสถานที่ รวมไปถึงพื้นที่ และอาคารเพื่อธุรกิจ, ประเมินความเสี่ยง, เปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลัง, เป็นแชทบอทที่ทำหน้าที่ตอบคำถามตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงให้คำแนะนำสำหรับการสร้างแคมเปญต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้การเติบโตของ AI ยังพัฒนาไปถึงความสามารถในการตรวจสอบอาคาร เพื่อช่วยยืดอายุของอาคารให้ยาวนานมากขึ้น ทั้งการตรวจสอบสภาพโดยรวม ตรวจสอบจุดเสี่ยงที่อาจเกิดความเสียหาย ตรวจสอบความพร้อมของวัสดุก่อสร้าง และตรวจสอบความเป็นพิษของวัสดุก่อสร้าง
2.เทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี IoT เขย่าวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยอุปกรณ์และเซนเซอร์ ที่จะพัฒนาไปสู่การจดจำน้ำเสียงและคำพูด จนสามารถสื่อสารกับผู้คนได้ด้วยน้ำเสียงที่เลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ นอกจากนี้คุณสมบัติดั้งเดิมก็จะได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพและความแม่นยำมากขึ้น เช่น ควบคุมกล้องวงจรปิด, ควบคุมอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอาคาร, รักษาความปลอดภัย, ตรวจสอบการใช้พลังงานไฟฟ้า, ตรวจสอบสภาพอากาศ, ควบคุมระดับอุณหภูมิภายในอาคาร และควบคุมแรงดันน้ำ เป็นต้น
โดยขณะนี้ได้มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษ ได้เริ่มต้นสร้างแพลตฟอร์ม IoT ที่มีเทคโนโลยีเซนเซอร์อัจฉริยะทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI และอินโฟกราฟิก ใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลจากเซนเซอร์ทุกตัวที่ติดตั้งอยู่ภายในอาคาร เพื่อการตรวจสอบปริมาณการใช้น้ำ ตรวจสอบคุณภาพอากาศ และวัดระดับอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ เพื่อการติดตามและเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยของทรัพย์สิน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านการใช้พลังงาน และลดต้นทุนด้านการบำรุงรักษา สร้างเป็นความยั่งยืนของที่อยู่อาศัย หรืออาคารสิ่งปลูกสร้าง
3. เทคโนโลยี AR และ VR เทคโนโลยี AR และ VR ได้ถูกนำมาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์สักพักหนึ่งแล้ว เพื่อลดความน่าเบื่อหน่ายและลดต้นทุนในการเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการของลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการได้โดยไร้ข้อจำกัด อีกทั้งลูกค้ายังสามารถเลือกเยี่ยมชมโครงการได้หลากหลายโครงการภายในวันเดียว จึงถือว่านี่คือหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
โดยในปี 2567 เทคโนโลยีนี้จะถูกพัฒนาขีดความสามารถ เพื่อสร้างเป็นคุณสมบัติใหม่ขึ้นมา ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะป้อนให้กับระบบและสร้างเป็นภาพเสมือนจริง เพื่อแนะนำการออกแบบตกแต่งภายในที่อยู่อาศัย หรืออาคารสำนักงานให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคน ทั้งการช่วยออกแบบจัดวางเฟอร์นิเจอร์ การช่วยออกแบบบรรยากาศภายในที่อยู่อาศัย เพราะลูกค้าแต่ละคนย่อมมีสไตล์ที่แตกต่างกัน ช่วยให้ลูกค้ามีไอเดียว่า ถ้าซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ มาครอบครอง พวกเขาจะใช้พื้นที่ใช้สอยอย่างไรให้คุ้มค่า
โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศชิลีได้เริ่มต้นการใช้ทัวร์เสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย สร้างภาพเสมือนจริงให้กับโครงการที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จให้ลูกค้าได้เยี่ยมชมแบบ 360 องศา ภายใต้บรรยากาศโครงการจริง ลูกค้าจะได้เห็นแปลนของอาคารทุกชั้น ได้เข้าไปสำรวจห้องพักอาศัย อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่ภายในโครงการบ้าน รวมไปถึงได้สัมผัสบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยทั้งหมดนี้เป็นภาพจริงบนพื้นที่โครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ ช่วยให้ลูกค้ามองเห็นถึงอนาคตของการอยู่อาศัยภายในโครงการว่ามีบรรยากาศอย่างไร มีความน่าอยู่และน่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน การตัดสินใจซื้อจึงเกิดขึ้นได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอให้โครงการสร้างเสร็จ
4.ระบบบริหารจัดการแบบอัจฉริยะ ยกระดับระบบบริหารจัดการภายในที่อยู่อาศัย พื้นที่ และอาคารเชิงพาณิชย์อาคารด้วยแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ทั้งการจองห้องประชุม จองพื้นที่ทำงาน Co-working Space และการจองพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์มอันทันสมัย ช่วยจัดระเบียบการอยู่ร่วมกันในสังคม และป้องกันข้อพิพาทในกรณีที่เกิดความซ้ำซ้อน ซึ่งนอกจากแพลตฟอร์มอัจฉริยะแล้ว ยังมีเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการอาคารที่น่าสนใจอีก คือ
ข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงเทคโนโลยีบางส่วนที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยในปี 2567 ที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐบาล และการเติบโตอย่างเต็มที่ของเทคโนโลยี จึงกล่าวได้ว่า ในปีนี้หากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใดยังไม่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการ ถือว่าพลาดโอกาสการสร้างกำไรให้กับธุรกิจเป็นอย่างมาก
และเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างยั่งยืน AIS Business พร้อมสนับสนุนองค์กรธุรกิจ กระตุ้นให้เกิดการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพในแข่งขัน ผลักดันเศรษฐกิจไทย และปลุกกระแสความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้กลับมามีความคึกคัก ด้วยการให้บริการ โครงข่ายอัจฉริยะ 5G ที่มีคลื่นมากที่สุด ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมทีมงานผู้มีความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมไปถึงแพลตฟอร์มจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และการให้บริการดิจิทัลเทคโนโลยีอย่างครบวงจร เพื่อให้ทุกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้แข่งขันกันอย่างเท่าเทียม โดยมีเทคโนโลยีที่เลือกใช้เป็นตัวตัดสินว่า บริษัทใดจะครองตลาดและครองใจลูกค้าได้ในระยะยาว
วันที่เผยแพร่ 24 มกราคม 2567
Reference
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business