ในการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมถึง Startup Thailand หลายคนอาจลืมสิ่งสำคัญที่พอๆ กับไอเดียและทีมเวิร์ค นั่นคือ การเริ่มวิเคราะห์ธุรกิจจาก Big Data ชุดข้อมูลที่จะนำมาสู่ความสำเร็จนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือ การเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อมาใช้ในการวิเคราะห์ Big Data เพราะในตอนเริ่มข้อมูลที่มีอยู่ในมืออาจไม่เพียงพอให้นำไปวิเคราะห์ ด้วยข้อจำกัดทั้งเรื่องจำนวนคนและงบประมาณจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องเสียเวลาในการรวบรวมข้อมูล เรียกได้ว่ากว่าจะเก็บข้อมูลให้เพียงพอ กว่าจะได้เริ่มงานก็เหนื่อยซะแล้ว
ซึ่งชุดข้อมูลนี้ที่เรียกว่า Big Data ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลบริษัท ข้อมูลพนักงาน ไปจนถึงสถิติต่างๆ ที่เก็บเอาไว้ มีความสำคัญมากอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเรากำลังอยู่ในยุคนี้ที่ใครๆ ก็ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยครื่องมือดิจิทัล เพราะฉะนั้นการรู้จักนำ Big Data มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ Startup Thailand จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม ซึ่งก่อนจะเข้าเรื่องลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Big Data กันก่อน
คือ ปริมาณของข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล ซึ่งในอดีตการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่นั้นมักจะเป็นปัญหาแต่ในปัจจุบันเทคโนโลยี Big Data ทำให้การจัดการข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมมาก เช่น Facebook , Google เป็นต้น
คือ การเข้าถึงข้อมูลและจัดการข้อมูล ต้องทำได้แบบทันทีหรือเรียลไทม์ ข้อมูลที่เกิดขึ้นมาควรถูกเก็บและวิเคราะห์ให้ตรงเวลา เช่น ข้อมูลหุ้น เป็นต้น
คือ รูปแบบของข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร วิดีโอ รูปภาพ และอื่นๆ
คือ คุณภาพข้อมูลที่ต้องมีความถูกต้อง เชื่อถือได้ หากข้อมูลไร้คุณภาพก็จะส่งผลต่อการวิเคราะห์ของ Startup Thailand ต่อไป
คือ คุณค่าของการนำข้อมูลไปใช้ โดยจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเริ่มจากการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำและจะนำไปสู่การพัฒนา Startup Thailand ที่สามารถวัดผลความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม
แน่นอน!! ไม่ว่าธุรกิจไหนๆ ต่างก็ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของตัวเองหรือข้อมูลอื่นๆ ที่มีผลต่อองค์กรทั้งนั้น ซึ่งมันก็อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า Big Data แต่มันถูกวางกองไว้เหมือนกองเอกสารขนาดมโหฬาร จะหยิบเอามาใช้เลยก็เป็นไปไม่ได้ หน้าที่ขององค์กร คือการนำข้อมูลเหล่านั้นไปทำการประมวลผล วิเคราะห์และสรุปผลออกมา เพื่อให้ได้สิ่งที่องค์กรต้องการ ยกตัวอย่างเช่น
เป็นรูปแบบการสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานผลิตภัณฑ์ หรือบริการและมีค่าใช้จ่ายเป็นรอบ ไม่ว่าจะรายเดือนหรือรายปี ตัวอย่างเช่น Netflix, Apple Music เป็นต้น
ผลจากการวิเคราะห์ Big Data นั้นยังทำให้เราทำนายพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้นทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง อีกทั้ง Big Data ยังช่วยให้องค์กรสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นทั้งในเชิงบวกและลบจากผู้บริโภค เพื่อปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้นได้
ผลจากการวิเคราะห์ Big Data ยังทำให้สามารถ ทำนายพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด และสามารถคาดการณ์หรือดูแนวโน้ม ของปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ อันนำไปสู่เรื่องการปรับตัวของธุรกิจ Startup Thailand การปรับเรื่องนโยบาย รูปแบบการ บริหารจัดการ รวมไปถึงกลยุทธ์ขององค์กรด้วย
แม้ว่าการนำ Big Data ไปใช้ Startup Thailand อาจจะต้องมีการลงทุนอยู่บ้าง แต่ในระยะยาวนั้นช่วยประหยัด งบประมาณได้มาก โดยจะช่วยลดภาระการทำงานให้แก่พนักงานด้านไอที และยังสามารถนำข้อมูล ที่วิเคราะห์ได้ไปใช้ประโยชน์ในส่วนอื่น เป็นการต่อยอดธุรกิจด้วย เพราะฉะนั้นถือเป็นการประหยัดงบ ลดต้นทุนในด้านบริหารจัดการ ภายในองค์กรได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายแล้วในปัจจุบันที่ธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมไปถึง Startup Thailand มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว การที่เราศึกษาและเรียนรู้กลยุทธ์เทคนิคหลายๆอย่างเพื่อให้เราได้เปรียบในเชิงของธุรกิจประเภทนี้แล้ว จึงเป็นเรื่องที่ควรจะให้ความสำคัญกับ Big Data มากๆ ก้าวแรกที่มั่นคงจะทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างสวยงาม อย่างที่เค้าว่ากันว่า “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
บทความโดย
AIS The StartUp