สตาร์ทอัพหลายคนล้วนแล้วต้องประสบกับสงครามที่ชื่อว่า “ความกลัว” กลัวว่าตัวเองจะคิดไกลและฝันใหญ่เกินไป กลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งนั่นคือ สงครามภายในจิตใจที่น่ากลัวจริงๆ สำหรับนักลงทุน แล้วระยะเวลาก่อตั้งธุรกิจไม่ใช่ปัจจัยที่จะคัดเลือกสตาร์ทอัพในการลงทุน แต่เป็นความพร้อมของ Startup Thailand ที่มีประสิทธิภาพมีผลิตภัณฑ์หรือบริการออกสู่ตลาด และเริ่มมีตัวเลขรายได้แสดงให้นักลงทุนเห็นอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นสตาร์ทอัพจะต้องมีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนและเป็นไปได้จึงจะชนะใจนักลงทุนได้นั่นเอง
ส่วนใหญ่ Startup Thailand มักพลาดเพราะ “คิดเล็กเกินไป” คิดเล็กในที่นี้คือ การทำธุรกิจสำหรับตลาดที่มีขนาดเล็กเกินไป วางแผนออกแบบตลาดที่ Scalable ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อถึงจุดหนึ่งธุรกิจจะถึงทางตัน ในทางกลับกันสิ่งที่ นักลงทุน มองหา คือ สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ที่จะสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้หลายเท่าตัว ซึ่งการจะได้รับเงินทุนและการสนับสนุนจาก นักลงทุน ธุรกิจนั้นจะต้องเติบโตได้ดีใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า ฉะนั้น สตาร์ทอัพต้องทำให้เชื่อว่าตลาดที่มีอยู่ใหญ่พอและมีโอกาสทางธุรกิจที่ยาวพอ
สตาร์ทอัพไม่ได้มีเพียงแค่แรงบันดาลใจและพลังที่ต้องการจะแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่เท่านั้น แต่ธุรกิจจำเป็นต้องอยู่ได้อย่างยั่งยืนและเติบโต ภายใต้การวางแผนที่มีอนาคตอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นการสร้างโมเดลธุรกิจที่เหมาะกับไอเดียของสตาร์ทอัพ จึงเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากการวางแผนธุรกิจแล้ว การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ คือ ขั้นตอนที่สำคัญลำดับถัดไป เพราะนั่นถือเป็นการต่อยอดแนวความคิด แรงบันดาลใจที่มีให้เป็นจริง ซึ่งขั้นตอนนี้ถือเป็นหัวใจของสตาร์ทอัพเพราะเป็นช่วงที่จะนำผลิตภัณฑ์จริงให้ลูกค้าได้ลองใช้จริงๆ
การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้จริง ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม จะทำให้สตาร์ทอัพมีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็วในระดับ 2 ถึง 10 เท่าตัวภายในระยะเวลา 1 ปี
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้ขอบเขตของธุรกิจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเมืองหรือในประเทศเดียวเท่านั้น แต่สามารถไปไกลได้ในระดับสากล เพราะฉะนั้นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดภายในประเทศ มักมีศักยภาพขยายตลาดสู่ประเทศอื่นๆ ด้วย และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้เร็วกว่าธุรกิจประเภทอื่นๆ
การสร้างธุรกิจที่มีอนาคตมีแบบแผนที่วางไว้อย่างชัดเจน รวมไปถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดี จะทำให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคงในที่สุด
สำหรับสตาร์ทอัพที่มั่นใจในธุรกิจและแผนการตลาดแล้ว ในฝั่งของ Startup Thailand เองต้องมีการเตรียมตัวก่อนจะเข้าไปนำเสนอแผนธุรกิจ (Pitching) กับนักลงทุน เช่น ทำการบ้านเกี่ยวกับนักลงทุนที่ต้องการให้มาร่วมลงทุนด้วย เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้แค่เม็ดเงินลงทุนหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถมีส่วนช่วยให้สตาร์ทอัพต่อยอดและเติบโตไปได้สวยอีกด้วย
ขั้นต่อมา หากธุรกิจของคุณได้รับเงินสนับสนุนจากนักลงทุนแล้ว การขยายธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่เสนอไว้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องลงมือทำทันที วิธีการคือ เริ่มจากฟังเสียงลูกค้าผู้ใช้งานจริงก่อนเสมอ หากผู้ใช้งานจริงมีข้อแนะนำหรือข้อติชมให้นำมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข ซึ่งบางครั้งคำแนะนำเหล่านี้อาจไม่ตรงกับความคิดของสตาร์ทอัพบ้าง หรือแม้กระทั่งนักลงทุนเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรับฟังจากผู้ใช้งานจริงและการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง คือ เส้นทางสู่ความสำเร็จขั้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเงินสนับสนุนจากนักลงทุนในจำนวนที่มากขึ้นในการระดมทุนครั้งต่อๆ ไป หรือความสำเร็จในแง่ของการเติบโตทางธุรกิจก็ตาม
ความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าให้ความกลัวมาบดบังความก้าวหน้าของธุรกิจในอนาคต เพราะฉะนั้นการวางแผนการตลาดในเรื่องของการ Repeatable และ Scalable จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะเป็นคำตอบว่าธุรกิจของเราเป็นธุรกิจคิดเล็กเกินไปหรือเปล่า? นักลงทุนจะเห็นความเติบโตของสตาร์ทอัพไหม? อย่าลืมว่าสตาร์ทอัพถือกำเนิดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์อะไร และเป้าหมายความสำเร็จสูงสุดอยู่ที่ไหน? จงอย่ากลัวว่าจะคิดไกลและฝันใหญ่เกินไปแต่จงกลัวและระวังในสิ่งที่กำลังทำใหญ่เกินตัวและเร็วเกินไป AIS The StartUp ขอเป็นกำลังใจให้กับเหล่าสตาร์ทอัพทุกคน
บทความโดย
AIS The StartUp