ทุกวันนี้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ไม่แพ้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือด้านอื่นๆ เลย เนื่องจากปัจจุบันผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การเพิกเฉยต่อการใส่ใจดูแลโลกของเรา ส่งผลที่เลวร้ายอย่างไรได้บ้าง ตั้งแต่ต้นปีโลกของเราเจอภาวะโลกร้อนถาโถมเข้าอย่างหนัก ทั้งไฟป่า ฝุ่น PM2.5 และล่าสุดไวรัส COVID19 ที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ สิ่งที่จะตามมาคือผู้คนก็หันมาสนใจเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์และบริการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นที่จับตามอง และผู้คนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก หรือจะเรียกธุรกิจนี้ว่า “ธุรกิจสีเขียว” ก็ว่าได้ วันนี้ AIS The StartUp ได้สรุปแนวคิดธุรกิจสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยต่อยอดรายได้ให้ธุรกิจ Startup Thailand และช่วยโลกในเวลาเดียวกันด้วย จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกัน !
ธุรกิจสีเขียว (Green business) เป็นธุรกิจที่ใช้วัสดุที่ยั่งยืนเพื่อผลิตสินค้าหรือบริการ โดยใช้แรงและต้นทุนของวัสดุที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุดในรูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นหากสตาร์ทอัพคนไหนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจในด้านนี้ ที่นอกจากจะสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถเปิดธุรกิจเพื่อช่วยพัฒนาระบบสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างมากขึ้นด้วย ซึ่งมีการใช้รูปแบบธุรกิจแบบเดิม เพิ่มเติมคือมีเรื่องการควบคุมงบประมาณวัตถุดิบ กระบวนการออกแบบ หรือวิธีการกระจายสินค้าและบริการอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพราะรูปแบบธุรกิจสีเขียวนี้อาจไม่ได้นำมาซึ่งรายได้มหาศาลในขั้นเริ่มต้น แต่หากเป็นที่จดจำและผลลัพธ์อิมแพคกับผู้บริโภคแล้ว
คำว่า ‘สื่อ’ ในที่นี้หมายถึงทุกด้านที่เกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเว็บไซต์ด้านสิ่งแวดล้อม นิตยสาร หรือสำนักข่าว ที่หมายถึงผู้เผยแพร่เนื้อหาของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ผู้คนทราบ ตั้งแต่การริเริ่มหรือแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมนั่นเอง ซึ่งหากอยากเป็นผู้นำธุรกิจ Startup Thailand ด้านสื่อสีเขียว ควรมีการให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้อ่าน ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องเทคโนโลยีที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ดีขึ้นและพลังงานสีเขียวทุกด้าน เคล็ดลับในการเลือกคอนเทนต์ ก็คือ พยายามคิดและนำเสนอเนื้อหาที่ให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ก็จะสามารถทำให้สื่อของคุณเติบโตได้รวดเร็ว
ทุกวันนี้งานอีเวนต์หรืองานที่ต้องมีการจัดเทศกาลอาหารต่างๆ ได้รับความนิยมอย่างมาก ไปงานไหนก็ต้องมีโซนอาหารอยู่เสมอ ซึ่งผลลัพธ์ก็คือปัญหาขยะทั้งพลาสติก ไปจนถึงขยะอาหารจากการกินเหลือ ธุรกิจที่เข้ามากำกับดูแล หรือเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านนี้ก็เป็นสิ่งที่ยังเห็นไม่มากในเมืองไทย และเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเลยทีเดียว ว่าจะจัดการกับปัญหาขยะพลาสติกในงาน ปัญหาขยะอาหารได้อย่างไรให้ถูกวิธี อย่างไรก็ตามหากบริษัท Startup Thailand แสดงให้เห็นว่าสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด โดยหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ หรือหันมาทำปุ๋ยหมักเศษอาหารควบคู่ไปด้วยก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลย
หลายคนอาจมองว่า ‘ของมือสอง’ เห็นอยู่ตามท้องตลาดมากมาย มันจะดีหรือจะรอดได้ยังไง? แต่รู้หรือไม่ว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจมาแรง ยิ่งหากมีเทคนิคการโปรโมทหรือการขายที่ดี สามารถดึงดูดลูกค้าได้มหาศาล และทำกำไรได้มากเลยทีเดียว เพราะปัจจุบันข้าวของมีราคาที่สูงขึ้นในขณะที่ความต้องการของคนเรามีไม่จำกัด การได้ซื้อของมือสองในราคาที่ถูกลงกว่าครึ่ง ทำให้ผู้บริโภคเกิดความลังเลที่จะซื้อน้อยลง และการเปิดร้านมือสอง ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงิน แต่ยังดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเพราะแทนที่จะโยนสิ่งของที่มีอยู่ลงในถังขยะ แต่ได้กระตุ้นให้ผู้บริโภคบริจาคสิ่งของที่ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์มากขึ้น และคำว่า ‘ของมือสอง’ ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสื้อผ้ายังรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ในครัวและเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย
ปัจจุบันจะเห็นว่าเริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่แก้วน้ำ ช้อนส้ม หลอด เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน เพราะเป็นนวัตกรรมที่ผู้คนต่างต้องการในชีวิต หากมีสิ่งของสิ่งใดที่สามารถทดแทนการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวได้ ผู้บริโภคหลายคนก็ยอมที่จะจ่าย เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่มีอยู่ตอนนี้ ในทางกลับกันก็ยังไม่ค่อยเห็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ที่เป็นเหมือน Life Hack ออกมาสักเท่าไหร่ซึ่งมีความต้องการอยู่มาก หากสร้างธุรกิจสีเขียวที่คิดไอเดีย และสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกมาตีตลาดรับรองว่ายอดขายถล่มทลายแน่นอน
หลายครั้งที่เราจะเห็นธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมเปิดตัวมาใหม่ แล้วก็หายไปอย่างช้าๆ เพราะอาจจะขาดความรู้ ความสามารถบางอย่าง ที่ทำให้ธุรกิจไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่หากคุณมีความรู้ในสิ่งเหล่านี้ ลองหาโอกาสในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจสีเขียว ซึ่งรับรองว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากมีความรู้ และนำไปต่อยอดกับธุรกิจของเขาได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้ความรู้ ถ่ายทอด นำเสนอเนื้อหาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้คนที่มาปรึกษานำไปใช้ในอนาคตได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายวิธีที่เหล่าสตาร์ทอัพทั้งหลายคิดค้นริเริ่มได้ จะเห็นได้ว่าธุรกิจที่ใช้วิธีการที่ยั่งยืนนั้นได้รับสิ่งที่ตอบแทนบางสิ่งมากกว่ามูลค่าที่เป็นเม็ดเงิน นั่นก็คือ ความรู้สึกที่ได้ส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับผู้บริโภค และโลกใบนี้ ในขณะเดียวกันธุรกิจรูปแบบนี้ ก็เป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคและผู้ใช้ก็เต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่มุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในวันที่สังคมตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เหล่าสตาร์ทอัพควรคว้าโอกาสและเริ่มธุรกิจเสียที AIS The StartUp ก็หวังว่าจะได้เห็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
บทความโดย
AIS The StartUp