ในยุคที่เรียกว่า ‘การสื่อสารไร้พรหมแดน’ ทั้งเทคโนโลยีความทันสมัยต่างๆ ก็เข้ามามีบทบาทต่อการสื่อสารและทำหน้าที่ได้รวดเร็วขึ้น สื่อต่างๆ ถูกส่งต่อกันได้โดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ส่งผลต่อโลกของธุรกิจ Startup Thailand ที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการสื่อสารแบบเดิมๆ สู่การสื่อสารและทำการประชาสัมพันธ์แบบใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ธุรกิจสตาร์ทอัพเกิดขึ้นมากมาย ยังไม่นับธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 10 ล้านบาทเข้าไปด้วยแล้ว การที่จะทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่จดจำในตลาดนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
สำหรับการเริ่มต้นอาจไม่ง่าย เพราะต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายรูปแบบ หรือการแข่งขันกับคู่แข่งมากหน้าหลายตา ดังนั้น การที่จะกลายมาเป็นธุรกิจ และ Startup Thailand ที่หลายคนรู้จักอาจต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ AIS The StartUp ก็มีกลยุทธ์ดีๆ มาช่วยให้เหล่า Startup Thailand สามารถนำมาปรับใช้ เพื่อไม่ให้ธุรกิจถูกมองข้ามไป
ก่อนจะไปดูเคล็ดลับการสร้าง PR ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ลองมาทำความเข้าใจกับคำว่า PR กันก่อน เพราะคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า PR = โฆษณา ซึ่งจริงๆ แล้วคำ 2 คำนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คำว่า PR (Public Relations) หมายถึง การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประชาชน ผู้คน หรือลูกค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ซึ่งสตาร์ทอัพบางคนอาจไม่เห็นความสำคัญของการ PR และรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ได้จำเป็นต่อธุรกิจ
หลายครั้งที่คำว่า PR เป็นคำที่ถูกลืม เพราะสตาร์ทอัพก็จะโฟกัสในเรื่องของเม็ดเงิน การระดมทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด ฯลฯ แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าธุรกิจวางกลยุทธ์สำหรับการทำ PR อย่างถูกต้อง จะสามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดงบประมาณในการโฆษณา งบทางการตลาด และได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก
ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการวางแผนด้านการตลาดที่แตกต่างกัน อย่างเช่น การโฆษณาจะเป็นเรื่องของธุรกิจ Startup Thailand ที่เน้นตัวเลขสำหรับการขายโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ทางกำไรมากที่สุด ส่วนการประชาสัมพันธ์ จะเน้นเรื่องการติดต่อหรือสานสัมพันธ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ให้องค์กร ทั้งรูปแบบของการเผยแพร่ข้อมูล ความรู้และความคิดเห็น เน้นการจูงใจลูกค้าให้ได้รับการสนับสนุนหรือสื่อสาร เพื่อสร้างการรับรู้ของธุรกิจโดยไม่ให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจ มีภาพจำที่เน้นแต่การขายมากจนเกินไป
การประชาสัมพันธ์ เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด ที่เน้นการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจทั้งต่อองค์กรและผลิตภัณฑ์ ส่วนการตลาด เป็นศาสตร์แห่งการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ จนเกิดความต้องการจากลูกค้า ทั้งสองส่วนจึงเป็นเหมือนส่วนเติมเต็มกันและกัน แต่ข้อได้เปรียบของการ PR คือ การบอกเล่าเรื่องราวของธุรกิจและผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้รู้จักและเกิดความต้องการแบบไม่ยัดเยียด สร้างความรู้สึกเป็นมิตรมากกว่าการทำการตลาดโดยตรง
คำว่าโฆษณา คือ การที่บริษัทสื่อออกไปยังผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งผู้คนจะทราบทันทีว่านี่คือโฆษณา เพื่อการขาย แต่การ PR เป็นการสื่อสารออกไปอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการสื่อสารโดยเป็นผู้คิด ผู้สร้าง และนำเสนอออกไป การทำ PR นี้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ Startup Thailand ได้มากกว่า อย่างไรก็ตามการทำ PR นั้นมักมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะฉะนั้นการวางแผนสำหรับการ PR จะส่งผลในระยะยาว ไม่เหมือนโฆษณาที่ปล่อยออกไปแน่นอน
ปกติการทำ PR เพื่อให้เกิด Brand Awareness หรือเพื่อให้ผู้คนรู้จักกับธุรกิจ Startup Thailand การทำ PR เป็นการทำการตลาดแบบ Long term คือ การหวังผลในระยะยาว มีการวางแผนล่วงหน้าที่เป็นระเบียบ ไม่ใช่การวางแผนแบบวันต่อวัน ไม่หวังผลว่ายอดขายในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เป็นการทำตลาดแบบมาราธอน คือการ PR ไปเรื่อยๆ ค่อยๆ สร้างภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจ ค่อยๆ ให้ผู้คนเห็นมากขึ้นรู้จักมากขึ้น และจะค่อยๆ แปลงสิ่งเหล่านั้นกลับมาเป็นยอดซื้อของลูกค้า และเป็นรายได้ของธุรกิจ
การ PR เป็นวิธีการที่จะช่วยทำให้คนบนโลกใบนี้ ได้รู้จักกับธุรกิจ และ Startup Thailand ของเราเพื่อสร้างช่องทาง สร้างโอกาสอย่างมากมาย และคำว่า PR นี้อยู่คู่กับธุรกิจมานานแล้ว แค่เปลี่ยนจากเดิมที่การประชาสัมพันธ์เป็นเพียงการรู้ว่ามีอยู่ เป็นอยู่ตรงไหนและอยู่อย่างไร ซึ่งทุกวันนี้การประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันกับการตลาด และเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการรับรู้ การเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
ทุกวันนี้การทำ PR ถือว่าเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจจากสตาร์ทอัพหลายคน ทั้งในด้านของผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและงบประมาณที่ใช้น้อยกว่าการทำโฆษณามาก ซึ่งการวางงบประมาณสำหรับการทำการตลาด ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการทำ PR และความต้องของยอดขาย แต่การตั้งและใช้งบประมาณเพื่อการ PR นั้นจะได้ผลตามต้องการหรือไม่? ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ช่องทางและวิธีการเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความพร้อมของธุรกิจด้วย เพราะหากเรากำหนดวัตถุประสงค์ได้ชัดเจน แต่ผลิตภัณฑ์หรือข้อมูลไม่พร้อมความสำเร็จจากการทำ PR ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรข้อมูลไม่พร้อมความสำเร็จจากการทำ PR ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและยังเป็นเครื่องมือที่สามารถต่อยอดให้ธุรกิจ และ Startup Thailand เติบโตได้อย่างสวยงาม ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะ การเลือก Influencer การใช้รูปแบบ Content การจัด Event กิจกรรมพิเศษ การจัด การประกวดแข่งขัน การทำ CSR เพื่อสังคม การจัด อบรมสัมมนา ให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ก็คือเครื่องมือชั้นเยี่ยมของการทำ PR ในยุคนี้นั่นเอง
ในการประเมินวัดผลการ PR นั้น ทำได้ตั้งแต่ก่อนลงมือประชาสัมพันธ์ โดยเริ่มจากการประเมินผลที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการก่อน เช่น สำรวจการรับรู้ของธุรกิจ Startup Thailand ว่ามีกลุ่มเป้าหมายรู้จักมากน้อยแค่ไหน แล้วทำการสำรวจซ้ำอีกครั้งหลังทำ PR ไปแล้ว หรือทำการวัดผลจากการสำรวจความพึงพอใจและยอดขายหลัง PR ก็ได้ ซึ่ง KPIs ในการวัดความสำเร็จของการทำ PR นั้น อาจจะวัดได้ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ในขณะที่การทำ PR บนโลกออนไลน์ การวัดในเชิงปริมาณการ PR จะดูกันที่จำนวนการกดดู การแชร์ การกด Like ส่วนสำหรับในเชิงคุณภาพ อาจวัดกันที่อันดับของ Content ที่ได้อยู่ในอันดับต้นก็ได้
สุดท้ายนี้ ในโลกแห่งธุรกิจเราไม่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้ว ให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการเหล่านั้นออกไปหาลูกค้าด้วยตัวเองได้ แต่ธุรกิจต้องอาศัยเครื่องมือในการช่วยประชาสัมพันธ์ หรือ PR ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย ซึ่งไม่นานการ PR โดยเลือกใช้ Influencer ก็กลายมาเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่ช่วยในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจบางธุรกิจ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาแล้วก็มี ขอแค่เพียงเริ่มต้นวางแผน เลือกใช้วิธีการให้เหมาะสม และลงมือทำ! AIS The StartUp ขอเป็นกำลังใจให้กับ Startup Thailand ทุกคน
บทความโดย
AIS The StartUp