ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่อยู่ในความผันผวนจากสถานการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น การแพร่ระบาดของ โควิด-19 หรือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ผันแปรอย่างรวดเร็ว ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีการขยายตัวของผู้ประกอบการและเกิดขึ้นของบริษัทพันธุ์ใหม่โดยเฉพาะ SMEs และ Startup ที่สามารถใช้นวัตกรรมในการแก้ปัญหา และตอบโจทย์ทั้งทางธุรกิจและการใช้ชีวิตในโลกของ New Normal อย่างมากมาย ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตตลอดจนการขยายตัวของผู้ประกอบการในกลุ่มดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเตรียมเปิด LiVE Exchange ให้เป็นแหล่งระดมทุนของ SMEs และ Startup นอกจากนี้ยังพัฒนา Platform ที่จะสนับสนุนการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในการเข้าสู่ตลาดทุน โดยผ่านความร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่แข็งแกร่ง ดังเช่น AIS ซึ่งร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สนับสนุนและส่งเสริมความพร้อมให้แก่ SMEs และ Startup ส่งมอบองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการผ่าน LiVE Platform
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส เปิดเผยว่า ในฐานะ Digital Life Service Provider นอกเหนือจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งของทุกอุตสาหกรรมและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของทุกภาคส่วนแล้ว เรายังเชื่อมั่นในเรื่องของ Digital Partnership ดังนั้น ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เอไอเอส จึงเป็น Telecom Operator รายแรกของไทยที่มีวิสัยทัศน์ในการสนับสนุน สร้างเวทีให้แก่ Startup จนถึงวันนี้ เป็นบทพิสูจน์แล้วในระดับหนึ่งว่า ไอเดียจาก Startup เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของการสร้างนวัตกรรมรูปแบบบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในสังคมอย่างชัดเจน
“จุดยืนในการทำงานกับ Startup มาโดยตลอดคือ การร่วมกันทำงานภายใต้พลังจากคู่คิด (Digital Partnership) ที่จะอยู่เคียงข้าง สนับสนุนไม่ให้ SMEs และ Startup ต้องทำงานเพียงลำพัง หากแต่ใช้ศักยภาพทั้งจากภายใน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม องค์ความรู้ ทั้งของ AIS และในกลุ่ม Singtel รวมถึงการเชื่อมต่อกับกลุ่มพันธมิตรภายนอก และกลุ่มนักลงทุน เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน เสริมขีดความสามารถรอบด้านของกลุ่ม Startup อย่างรอบด้าน เพื่อให้พร้อมที่จะแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการเข้าไปทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการเป็นหนึ่งในพันธมิตรของ LiVE Platform ในส่วนของ Scaling Up Platform ที่มุ่งเน้นสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจและการเตรียมความพร้อมในการระดมทุนของ SMEs และ Startup ด้วยการจัดให้มีหลักสูตรการอบรมเชิงลึก การจัดให้มีระบบงานที่สำคัญ การจัดให้มีการจับคู่ทางธุรกิจและการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ซึ่ง AIS ได้ระดมทีมผู้บริหารมาร่วมกันส่งมอบองค์ความรู้อย่างเต็มที่เพื่อให้ SMEs และ Startup สร้างความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดทุน” นายสมชัย กล่าว
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านกลไกตลาดทุนของผู้ประกอบการทุกขนาด โดยเฉพาะ SMEs และ Startup ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้พัฒนา LiVE Platform ขึ้นซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงแหล่ง
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส
เงินทุนและยกระดับศักยภาพ SMEs และ Startup ไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ผ่านความร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานพันธมิตร โดย AIS จะเข้ามาเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ร่วมมอบองค์ความรู้ใน LiVE Platform เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ ซึ่ง AIS นับเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยปลดล็อคและขยายโอกาสของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา LiVE Exchange ซึ่งเป็นตลาดรองสำหรับ SMEs และ Startup โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 1 ปี 2565
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับความร่วมมือกับ เอไอเอส ใน LiVE Platform ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1) การพัฒนาสื่อเรียนรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup ในองค์ความรู้ที่เหมาะกับการแข่งขันทางธุรกิจ อาทิ โอกาสของธุรกิจในยุค 5G , ความสำคัญของภัยไซเบอร์, Cloud , การสร้าง Brand / การพัฒนาสินค้าและบริการในยุค Digital, Leadership ในโลกยุค Digital, การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล 2) การสร้างโอกาสในการเติบโตของผู้ประกอบการผ่านการเจรจาธุรกิจ ที่จะมีการจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ หรือ Business Matching พร้อมความรู้เกี่ยวกับระบบงานที่สำคัญ หรือ Enterprise system ตลอดปี 2565 โดยผู้ประกอบการ SMs และ Startup สามารถเข้าร่วมเรียนรู้ใน LiVE Platform ได้แล้วทาง https://www.live-platforms.com/ “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการส่งเสริมความแข็งแกร่งของ SMEs และ Startup ให้สามารถใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจ และพร้อมเป็นอีกหนึ่งเรือธงนำพาประเทศฝ่าวิกฤต รับมือกับความท้าทายที่เราต่างเผชิญกันอยู่ในปัจจุบันได้อย่างดีที่สุด”