กรุงเทพ ส่วนผสมดี ๆ ที่ลงตัวสำหรับการเป็น Fintech Hub ระดับโลก

“กรุงเทพ” ส่วนผสมดี ๆ ที่ลงตัวสำหรับการเป็น Fintech Hub ระดับโลก

เมื่อโลกทั้งใบถูกเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี คำว่า Fintech หรือ Financial Technology จึงมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงที่เลี่ยงไม่ได้ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาส ที่ประเทศไทยควรจะคว้าไว้เพื่อผลักดันให้กรุงเทพก้าวขึ้นมาเป็น Fintech Hub ที่มีบทบาทสำคัญในระดับโลก ส่วนผสมที่ลงตัวสามประการของกรุงเทพที่เป็นข้อได้เปรียบเมืองอื่นในเอเชียคือ

1. โครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่แข็งแกร่ง และความพร้อมของคนไทยในการใช้บริการด้าน Fintech
2. ทำเลที่ตั้งของกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางใน ภูมิภาค และมีเชียงใหม่กับภูเก็ตเป็นหัวเมือง ท่องเที่ยว ที่สำคัญ
3. ความหลากหลายของการใช้ชีวิตในวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรองรับทั้งการทำงานและ การพักผ่อนหย่อนใจ

โครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่ดี และต้นทุนการทำธุรกรรมที่ฟรีหรือถูก ส่งผลให้คนไทยมีการใช้งาน Mobile Payment, eCommerce และบริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เมื่อวัดจากสัดส่วนของผู้ใช้งานกับผู้ที่เข้าถึง Internet ในส่วนของตลาดทุนนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงที่สุดใน ASEAN และยังมีโครงสร้างพื้นฐาน ที่พร้อมสำหรับกับการเชื่อมต่อระบบกับสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีบริษัทจดทะเบียน จำนวนมากที่ได้รับการยอมรับด้านการบริหารเพื่อความยั่งยืน จนได้รับการบรรจุอยู่ใน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลยังได้ออกแบบและพัฒนาโครงการเพื่อ สร้างสรรค์ Financial Landscape ใหม่ให้รองรับการเติบโตด้าน Fintech ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย เช่น Virtual Banking, Open Banking, Central Bank Digital Currency (CBDC), Initial Coin Offering, Securities Token Offering (STO) เป็นต้น โครงการใหม่ ๆ ด้าน Fintech เหล่านี้ จะช่วยให้ระบบการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึงและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Underserved ได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการ จ้างงานและการพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรด้าน Fintech ได้เป็นอย่างดี โอกาสของกรุงเทพ ในการดึงดูดบุคลากรที่มีฝีมือด้าน Fintech ในระดับโลกนั้น ได้มาจากเสน่ห์ของเมืองและวัฒนธรรมที่จะช่วย ให้คนจากทุกมุมโลกย้ายมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับใช้ชีวิตที่มีความสุขกับอาหารดี ๆ จากทุกชาติ สถานบันเทิง แหล่งช้อปปิ้ง และการเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองอื่น ๆ ในประเทศ ในค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับรายได้ นอกจากนี้ กรุงเทพยังมีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง ซึ่งง่ายต่อการเดินทางไปยังประเทศอื่น เปรียบเสมือนการเป็นศูนย์กลางในเอเชียอีกด้วย ข้อได้เปรียบอีกข้อหนึ่งที่อยู่ในความเป็นไทยคือเราเป็นชาติที่เข้าได้กับทุกฝ่าย ประสานงานกับชาติไหนก็ได้ เปรียบเป็น Buffer State อยู่เหนือความขัดแย้งและความเสี่ยงด้าน Geopolitical Risk

เราต้องทำอย่างไรหากจะผลักดันให้ กรุงเทพเป็น Fintech Hub ระดับโลกได้จริง?

ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการเข้ามาตั้งสำนักงานและ ประกอบธุรกิจของบริษัท Fintech จากนานาชาติ เริ่มตั้งแต่การจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัทแบบ Online One-stop Service ที่รวดเร็วและรองรับภาษาอังกฤษ การเปิดบัญชีธนาคารแบบ Online สำหรับนิติบุคคล ความสะดวกและข้อจำกัด ที่น้อยลงสำหรับการจ้างงานชาวต่างชาติ บริการที่ปรึกษาด้านบัญชี กฎหมาย และใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดพื้นที่ในกรุงเทพบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หรือกลุ่มอาคาร หรือถนนให้เป็น Fintech Hub หรือ Fintech Street ในเชิงสัญลักษณ์ ใช้พื้นที่นี้ดึงดูดบริษัทด้าน Fintech และใช้เป็น Sandbox Zone สำหรับการทดลองให้บริการด้านการเงินใหม่ ๆ มหาวิทยาลัยควรร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อออกแบบ หลักสูตรหรือวิชาสำหรับสร้างบุคลากรด้าน Fintech โดยเฉพาะในสาขาการเงิน บัญชี บริหารธุรกิจ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนควรช่วยกันสนับสนุนด้านเงินลงทุน การให้ทุน สิทธิประโยชน์ด้านภาษี คำปรึกษา และความช่วยเหลืออื่น ๆ สำหรับบริษัทด้าน Fintech ที่เป็นธรรมสำหรับทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ทั้งสัญชาติไทยและต่างประเทศ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารโครงการดังกล่าวไปยังกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ

ประเทศจะได้อะไรจากการเป็น Fintech Hub?

หากเราประสบความสำเร็จในการเชิญชวนบริษัทด้าน Fintech จากนานาชาติให้มาตั้งสำนักงาน ในไทยได้แล้ว ประโยชน์ทางตรงที่จะได้คือเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ในระยะกลางเรา จะเป็นแหล่งรวมของบุคลากรชั้นนำด้าน Fintech ที่จะช่วยสร้างเด็กรุ่นใหม่ในประเทศ ก้าวขึ้นมาเป็น Fintech Talent ในระดับโลก คนไทยที่ทำงานในต่างประเทศกับบริษัทชั้นนำมีโอกาสที่จะได้ กลับมาทำงานที่บ้านเกิด เพื่อพัฒนาประเทศในโอกาสต่อไป ในระยะยาว บริการด้าน Fintech ใหม่ ๆ จากบุคลากรและบริษัทเหล่านี้ จะช่วยให้ประเทศแก้ Pain Points ที่สำคัญได้ เช่น หนี้สินภาคครัวเรือน หนี้นอกระบบ ความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่ง ความไม่พร้อมสำหรับการเกษียณ เป็นต้น ประโยชน์จากการเป็น Fintech Hub นี้จะมีส่วนช่วยสำคัญต่อทั้งนวัตกรรมทางการเงินและการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน

คุณชลเดช เขมะรัตนา นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย