รีวิว OPPO Find X3 Pro 5G จัดเต็มทุกโมเมนต์ จัดจ้านกว่าพันล้านสี

เมื่อมีนาคมปี 2020 สาวกสมาร์ทโฟนคงจำกันได้ ว่าแบรนด์มือถือกล้องล้ำอย่าง OPPO เพิ่งเปิดตัว OPPO Find X2 กันไป ผ่านมา 1 ปี มีนาคมปีนี้ ทางออปโป้ก็ขอกลับมาตอกย้ำฉายา Selfie Expert ด้วย OPPO Find X3 Pro 5G ที่การกลับมาครั้งนี้ ไม่ได้มีดีแค่กล้องหน้า แต่เขามีกล้องจุลทรรศน์มาให้ด้วย! แถมยังจัดเต็มทั้งดีไซน์และฟีเจอร์อีกเพียบเลยครับ

ดีไซน์สุดล้ำ แรงบันดาลใจจากอวกาศ

ในส่วนของตัวเครื่องบอกได้เลยว่าเรียบหรูมาก ๆ ครับ มีความโค้งมนรับตัวโมดูลกล้องแบบไร้รอยต่อ ซึ่งการดีไซน์แบบนี้ถือเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ครับ

อีกทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมีขนาดพอดีมือ น้ำหนักเบาแค่ 193 กรัม และบางเพียง 8.26 มม. เท่านั้น ยิ่งเพิ่มให้มือถือเครื่องนี้ดูหล่อเท่กว่าเดิมอีกเท่าตัวเลย

มากันที่ส่วนหน้าของตัวเครื่องกันบ้างครับ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่มีปุ่มกดให้รกสายตา แต่ยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ มีจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว แบบ 1 Billion Display QHD+ (3216x1440 พิกเซล) และมีความสว่างสูงสุดถึง 1300 nit (ซึ่งก็ไม่นิดเลยใช่ไหมล่ะครับ ฮ่า ๆ )

จัดจ้านทุกสีสัน ‘Awaken Colour’

จะบอกว่าการมาของ OPPO Find X3 Pro 5G เขามาพร้อมกับสโลแกน “Awaken Colour” ปลุกพลังแห่งสีสันทั้งกล้องและหน้าจอ จัดเต็มความสดใสถึงพันล้านสีเลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติแล้วกล้องและหน้าจอมักจะแสดงผลของสีที่ไม่เท่ากัน แต่สำหรับ OPPO Find X3 Pro 5G ถ่ายมายังไงไฟล์ภาพที่ได้ก็สดไม่หลอกตาเลยครับ

ซัปพอร์ตทุกการรับรู้สี ปรับได้ตามใจด้วย ‘Colour Vision Enchancement’

อย่างที่บอกไปครับ ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องสีมาก ๆ แถมผู้พัฒนายังมีการรีเสิร์ชเกี่ยวกับการรับรู้สีของมนุษย์ที่ไม่เท่ากันอีกด้วย ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีฟังก์ชัน Colour Vision Enhancement เพื่อชดเชยสีสันให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตามสถานการณ์ที่ใช้งาน

หรือจะเลือกปรับเป็นค่าสีส่วนตัวก็ได้ ที่เมนู Personalized เพื่อให้ได้สีสันที่เหมาะสมกับทุกสายตาของผู้ใช้งานมากที่สุดครับ

จัดเต็ม 4 กล้องล้ำ เก็บครบทุกมุม

อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ คือ 4 กล้องหลังนั่นเองครับ ประกอบด้วยกล้องหลัก 2 กล้อง สำหรับเลนส์ Wide และ Ultra - Wide มุมมอง 110.3 องศา โดยไม่บิดเบือนขอบของภาพถ่าย และยังเป็นเจ้าแรกที่ใช้เซนเซอร์ตัวท็อปจาก Sony ที่มีความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซลเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะถ่ายวิวหรือถ่ายเป็นแก๊งก็เก็บครบทุกคนแน่นอน

มาต่อกันที่กล้องหลังอีก 2 ตัว ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน นั่นคือกล้อง Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และที่สุดแห่งการถ่ายภาพ กล้อง Microlens ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนที่ให้เราได้มองสิ่งที่ตาเปล่าไม่เห็น ได้ใกล้ขึ้นกว่า 60 เท่า ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับกล้องจุลทรรศน์เลยล่ะครับ แถมยังมาพร้อม Ring Flash เพื่อเพิ่มความสว่าง ให้เราเห็นวัตถุชัดมากขึ้น

เมื่อมือถือกลายเป็นกล้องจุลทรรศน์ เราจะเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นยังไงบ้างนะ.
ครั้งแรกที่ได้เห็นเส้นผมได้ใกล้และเส้นใหญ่ขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเลยใช่ไหมครับ
แล้วใบโหระพา มีปากใบอยู่ตรงไหนบ้างนะ? ลองมาหาด้วยกันนะครับ

เรียกว่าฟีเจอร์ Microlens นี้ ทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ เลยได้สนุก ตื่นตาตื่นใจ กับการถ่ายภาพขึ้นเยอะเลยใช่ไหมครับ

ภาพนิ่งก็คม วิดีโอก็ลื่น

อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เขาจัดเต็มเรื่องสีจริง ๆ ทั้งการถ่ายภาพและการแสดงผล 1 Billion Colour Camera and Display (10-bit colour) เมื่อเทียบกับหน้าจอซึ่งเป็นแบบ 8 bit จะพบความแตกต่างทั้งสีสันและความคมชัดอย่างชัดเจนเลย

ในขณะที่โหมดวิดีโอก็ดีไม่แพ้กัน เพราะเขามีฟีเจอร์ให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งระบบกันสั่นสำหรับสาย Extream, Dual-View Video และ AI Beautification สำหรับสาย Vlog หรือใครที่เป็นสายตัดต่อเขาก็มีโหมด Movie ที่ให้ทุกคนได้ถ่ายวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ แถมยังได้ไฟล์คุณภาพสูงสำหรับนำไปตัดต่อเพิ่มเติมด้วยโหมด LOG, HDR หรือจะปรับ ISO, White Balance ก็ทำได้เช่นกันครับ

ฟังก์ชันดี ฟีเจอร์เต็มขนาดนี้ แบตจะอึดหรือเปล่า?

ผมบอกเลยครับว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย เพราะเขาให้แบตมาถึง 4,500mAh ให้เราสามารถใช้งานได้ทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) ที่ 65W SuperVOOC 2.0 ใช้เวลาเพียง 10 นาที แบตก็ขึ้นมา 40% เลยล่ะครับ และยังเป็นครั้งแรกของ OPPO ที่มี Wireless Charge อีกด้วยครับ

ที่สำคัญสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังรองรับระบบ 5G อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะสายเล่นเกม หรือสายท่องโซเชียล ก็เล่นได้ลื่นไม่มีกระตุกแน่นอนครับ สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ OPPO Find X3 Pro 5G ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที https://m.ais.co.th/oZH6z6PT4 แล้วไปสนุกกับการถ่ายภาพในมุมมองใหม่ จัดจ้านทุกไลฟ์สไตล์ไปด้วยกันนะครับ