ไม่ใช่แค่ดวงตา แต่แสงสีฟ้าอันตรายกว่าที่คิด เช็กทริกป้องกัน Blue Light กับ AIS

ถ้าบอกว่า “แสงสีฟ้าส่งผลเสียต่อดวงตา” ...ใคร ๆ ก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้ว

แต่ถ้าบอกว่า “แสงสีฟ้ามีผลต่อความหย่อนคล้อยของใบหน้า” ...เพื่อน ๆ จะเชื่อผมไหมครับ

เพื่อน ๆ ลองสังเกตกันไหม ในช่วง Work From Home ที่ผ่านมา แม้เราจะไม่ได้ออกจากบ้านไปเจอแสงแดดโดยตรง แต่ทำไมผิวหน้าของเรากลับดูหมองคล้ำขึ้น! นั่นก็เกิดจากแสงสีฟ้านี่แหละครับ เนื่องจากแสงสีฟ้าเป็นแสงพลังงานสูงที่ผสมอยู่ในช่วงแสงสีขาวที่มนุษย์มองเห็น มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400 - 500 นาโนเมตร อยู่ในทั้งแสงแดดและแสงจากจอ ซึ่งต้องบอกเลยว่า แสงจากหน้าจอที่อันตรายไม่ต่างกับแสงแดดเลยล่ะครับ แล้วนอกจากจะส่งผลต่อใบหน้าและดวงตาแล้ว ยังส่งผลเสียต่อการนอนหลับของเราอีกด้วยนะครับ!

...ว่าแต่ทำไมแสงสีฟ้าถึงอันตรายต่อตัวเรามากขนาดนี้กันนะ? เราตามมาดูผลเสียแต่ละข้อกันเลยดีกว่าครับ

แสงสีฟ้า กับ ดวงตา

แสงสีฟ้าเป็นตัวแปรให้ประสาทตาเราค่อย ๆ เสื่อมลง เพราะสามารถกระตุ้นการสร้าง Lipofuscin (เม็ดสีหรือของเสียจากเซลล์ที่เกิดจากการกระตุ้นจากอนุมูลอิสระ) ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม รวมทั้งเกิดภาวะตาล้าอีกด้วยครับ

แสงสีฟ้า กับ ผิวหน้า

แสงสีฟ้าสามารถทะลุเข้าชั้นผิวได้ลึก และจะทำปฏิกิริยากับผิวของเราด้วยการเข้าไปสร้างสารอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ผิวทำให้ผิวของเราเสื่อมเร็วมากขึ้น สลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้เกิดฝ้า จุดด่างดำ เกิดริ้วรอย ผิวแห้งคล้ำ รวมทั้งทำให้ผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดริ้วรอยจากคลื่นแสงเช่นเดียวกับเวลาที่อยู่กลางแดดเลยล่ะครับ

แสงสีฟ้า กับ สุขภาพ

แสงสีฟ้าจะเข้าไปรบกวนความสมดุลของฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้ระดับฮอร์โมนเมลาโทนินลดลง 70% ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับของเราโดนตรงเลยครับ นั่นคือทำให้นอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอื่น ๆ ภายหลังได้นั่นเองล่ะครับ

และนี่ก็เป็น 3 ผลกระทบหลัก ๆ ที่แสงสีฟ้ากำลังโจมตีคุณอยู่ไม่รู้ตัว แต่จะให้หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าในปัจจุบันนี้ก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เพราะทั้งการทำงาน การเรียน รวมทั้งไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของเราก็ล้วนต้องอยู่กับหน้าจอแทบตลอดเวลา ถ้ามีเทคโนโลยีดี ๆ แล้วไม่ใช้ก็คงเสียดายแย่เลยล่ะครับ

ดังนั้น ทางที่ดีแค่เรารู้จักป้องกัน Blue Light จากแต่ละ Activity ในชีวิตประจำวันของเรา ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้แล้วล่ะครับ ว่าแต่จะปกป้องแสงสีฟ้าได้ยังไงบ้าง มาดูต่อข้างล่างได้เลยครับ

เสริมเกราะป้องกันง่าย ๆ ด้วยทริก ‘ติดจอยังไงให้ปลอดภัยจาก Blue Light’

ปกป้องดวงตา : ลดความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน, ติดฟิล์มกรองแสงหรือสวมใส่แว่นตากรองแสงสีฟ้า, งดใช้อุปกรณ์ในที่มืด, พักสายตาทุก 20 นาที, มองไกลทุก 20 นาที เพื่อลดการเพ่งของสายตา คลายความเมื่อยล้าของดวงตา และอย่าลืมทานวิตามินบำรุงสายตาก็ช่วยเสริมสุขภาพดวงตาของเราได้เช่นเดียวกันครับ

ปกป้องผิวหน้า : ลดความสว่างของหน้าจอ, ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของลูทีน เบต้าแคโรทีน ช่วยปกป้องผิวและลบเลือนริ้วรอยได้, ใช้สกินแคร์ที่มีวิตามินซี เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว, ใช้ครีมบำรุงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ, ทำทรีตเมนต์รักษาผิวหน้าเป็นประจำ เพื่อลดความหมองคล้ำและริ้วรอย และที่สำคัญ อย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำ แม้เราจะไม่ได้ออกจากบ้าน แต่เราก็เจอแสงจากหน้าจอของเราอยู่ดีครับ

ปกป้องสุขภาพการนอน : ข้อนี้ง่ายมาก ๆ (แต่อาจจะทำยากมาก ๆ ฮ่า ๆ) นั่นก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเริ่มจากควรงดการเล่นโทรศัพท์หรือดูทีวีประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนอน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเล่นสมาร์ทโฟนหรือดูทีวีในความมืดหรือห้องที่ปิดไฟนะครับ

รู้ทริกปกป้องตัวเราจากแสงสีฟ้าแล้วก็นำไปใช้กันด้วยนะครับ โดยเฉพาะ ‘การทาครีมกันแดดทุกครั้ง’ ข้อนี้สำคัญที่สุดเลยนะครับ นอกจากนี้ หลังเลิกงานทุกครั้งอย่าลืมประคบผ้าอุ่น ๆ เพราะให้ดวงตารู้สึกสดชื่นขึ้น แล้วมารักษาผิวหน้าให้สดใสและถนอมดวงตาของเราให้ดี จะได้ใช้มองหน้า เอ้ย! มองจอได้นาน ๆ ไม่ต้องกลัวล้าเลยล่ะครับ :)